เศรษฐกิจ
แนวทางการแก้ปัญหาหนี้ภายใต้การนำของ วิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

สถานการณ์หนี้ของประเทศไทยในปัจจุบัน ทั้งหนี้ภาคครัวเรือน หนี้ธุรกิจ และหนี้สาธารณะ กำลังเผชิญความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปราะบางและภาวะเงินเฟ้อที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างมั่นคง การแต่งตั้งนายวิทัย รัตนากร เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ จึงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากภารกิจเร่งด่วนของ ธปท. ภายใต้บริบทใหม่นี้คือ "การแก้ไขปัญหาหนี้" อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ บทความนี้จึงมุ่งวิเคราะห์ศักยภาพ แนวทาง และความเป็นไปได้ของการดำเนินนโยบายด้านหนี้ภายใต้ผู้นำคนใหม่ ผ่านกรอบแนวคิดการบริหารจัดการนโยบายการเงินควบคู่กับเสถียรภาพทางการคลัง
1. บริบทของการแต่งตั้งผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่
การแต่งตั้งนายวิทัย รัตนากร ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. มีผลในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 โดยเป็นการสืบต่อจากนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ที่จะครบวาระในเดือนกันยายน ซึ่งการแต่งตั้งครั้งนี้ถือเป็นการเลือกผู้นำจากสายงานธนาคารของรัฐ (ธนาคารออมสิน) มาสู่ตำแหน่งสูงสุดขององค์กรกำกับดูแลนโยบายการเงินของประเทศ
การแต่งตั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากนายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เห็นว่านายวิทัยมี "ความรู้หลากหลาย" และสามารถประสานนโยบายการคลังและการเงินให้สอดคล้องกันได้ ภายใต้หลักการ "ข้อมูลถึงกัน ทำงานร่วมกัน แก้ไขปัญหาร่วมกัน" ซึ่งเน้นการลดช่องว่างระหว่างนโยบายการคลังของรัฐบาลกับนโยบายการเงินที่ต้องอิสระของ ธปท.
2. ความท้าทายของปัญหาหนี้ในประเทศไทย
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญปัญหาหนี้เรื้อรังในหลายระดับ ได้แก่:
หนี้ครัวเรือน: อัตราหนี้ครัวเรือนต่อ GDP สูงกว่า 90% ซึ่งสะท้อนภาวะความเปราะบางของภาคครัวเรือน
หนี้ SME: ภาคธุรกิจขนาดกลางและย่อมยังเผชิญภาวะหนี้เสียหลังวิกฤตโควิด-19
หนี้สาธารณะ: แม้ยังอยู่ในกรอบความยั่งยืน แต่ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการใช้จ่ายภาครัฐ
ความท้าทายของผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่จึงไม่ใช่แค่การควบคุมเงินเฟ้อหรือดูแลค่าเงินบาทเพียงอย่างเดียว แต่ต้อง "บูรณาการนโยบายเพื่อจัดการปัญหาหนี้อย่างรอบด้าน"
3. แนวทางที่เป็นไปได้ภายใต้การนำของนายวิทัย รัตนากร
3.1 ประสบการณ์จากธนาคารออมสิน
นายวิทัยมีประสบการณ์ตรงในการบริหารธนาคารออมสิน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือกลุ่มประชาชนฐานรากและ SMEs ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น:
สินเชื่อเพื่อฟื้นฟูหลังโควิด
โครงการพักหนี้หรือปรับโครงสร้างหนี้รายย่อย
การสนับสนุนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ
ประสบการณ์นี้น่าจะมีผลในการออกแบบแนวทางใหม่ของ ธปท. ที่เน้นการเข้าถึงสินเชื่อ การพักหนี้เชิงโครงสร้าง และการสนับสนุนกลไกตลาดที่เป็นธรรม
3.2 ความร่วมมือระหว่างนโยบายการเงินและการคลัง
การเน้นการ “เข้าใจและทำงานร่วมกัน” ระหว่าง ธปท. และกระทรวงการคลัง อาจนำไปสู่แนวทางใหม่ที่เรียกว่า "นโยบายเศรษฐกิจร่วม" (coordinated policy framework) เช่น:
โครงการสินเชื่อร่วมระหว่างภาครัฐ-เอกชน
การลดภาษีเพื่อจูงใจให้มีการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ
การปรับเงื่อนไขการกำกับสินเชื่อเพื่อกระตุ้นการบริโภคอย่างสมดุล
3.3 การประเมินอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้ออย่างสมดุล
แม้ผู้ว่าฯ ธปท. จะต้องรักษา "อิสระทางนโยบายการเงิน" แต่ก็ต้องเผชิญแรงกดดันจากภาคธุรกิจและรัฐบาลที่ต้องการให้อัตราดอกเบี้ยปรับลดเพื่อลดภาระหนี้ ความสามารถของนายวิทัยในการประเมิน “ความเสี่ยงรอบด้าน” จะเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินควบคู่ไปกับการบรรเทาหนี้
4. ข้อเสนอเชิงนโยบาย
เพื่อให้แนวทางการแก้ปัญหาหนี้ภายใต้การนำของนายวิทัยมีประสิทธิผล บทความนี้เสนอข้อแนะนำเชิงนโยบายดังนี้:
ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจร่วมระหว่าง ธปท. - กระทรวงการคลัง - ธนาคารพาณิชย์ เพื่อบริหารจัดการหนี้เสียเชิงระบบ
ส่งเสริม "ธนาคารข้อมูลหนี้แห่งชาติ" (National Debt Data Center) เพื่อให้การบริหารหนี้เป็นไปอย่างโปร่งใส และแม่นยำ
จัดกลุ่มหนี้เป็นลำดับความเร่งด่วน (debt triage) แยกหนี้ที่สามารถฟื้นตัวได้กับหนี้เสียถาวร
สนับสนุนการให้ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) โดยเฉพาะกลุ่มวัยแรงงานและผู้ประกอบการรายย่อย
ใช้นโยบายดอกเบี้ยแบบยืดหยุ่นตามกลุ่มหนี้ (Segmented Rate Policy) ลดภาระบางกลุ่มโดยไม่กระทบเสถียรภาพโดยรวม
ดังนั้น การแต่งตั้งนายวิทัย รัตนากร เป็นผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่สะท้อนความคาดหวังของรัฐบาลต่อการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจในยุคที่หนี้กลายเป็นปัญหาหลักระดับชาติ ด้วยประสบการณ์ที่หลากหลาย ความเข้าใจทั้งภาคธนาคารรัฐและบริบทเศรษฐกิจระดับฐานราก นายวิทัยมีศักยภาพที่จะเป็น “ผู้เชื่อมโยง” ระหว่างนโยบายการเงินกับความจำเป็นเชิงสังคม เพื่อออกแบบแนวทางการแก้หนี้ที่เป็นธรรม ยั่งยืน และทันต่อสถานการณ์อย่างแท้จริง
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่