เศรษฐกิจ
หลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 2 เยี่ยมชมโรงงาน BYD ตอกย้ำไทยฐานผลิต EV แห่งอาเซียน
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

คณะผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 2 ศึกษาดูงานโรงงาน BYD ระยอง รับทราบข้อมูลเชิงลึกด้านเทคโนโลยี EV และ Supply Chain ด้านดร.สืบพงศ์ ปราบใหญ่ ชี้เป็นโอกาสสำคัญของไทยในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของอาเซียน
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา คณะผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 2 (บทจ.2) ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับสถาบันสื่อและบริหารธุรกิจไทย-จีน และหอการค้าไทย-จีน โดยได้รับการสนับสนุนจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน และ China Media Group ได้เดินทางเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน
โรงงานแห่งนี้เปิดดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 และจนถึงปัจจุบัน BYD ได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 40,000 คัน โดยมีกำลังการผลิตเฉลี่ย 280 คันต่อวัน ปัจจุบันผลิตรุ่น BYD DOLPHIN, BYD ATTO 3 และ BYD SEALION 6 DM-i ซึ่งมีการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ (Local Content) ประมาณ 45-50% และได้รับการรับรอง “Made in Thailand” แล้ว 2 รุ่น
ผู้บริหารของ BYD เปิดเผยถึงมูลค่าการลงทุนของ BYD ในประเทศไทยว่า มีสูงกว่า 35,925 ล้านบาท และสร้างการจ้างงานกว่า 6,100 ตำแหน่ง โดยมีแรงงานไทย 88% หรือกว่า 5,300 คน ในจำนวนนี้มีระดับผู้บริหารและวิศวกรไทยกว่า 340 คน
ผู้บริหารของ BYD เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า BYD ได้มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยไทยกว่า 30 แห่ง เพื่อพัฒนาบุคลากร โดยมีนักศึกษากว่า 100 คนเข้าฝึกงาน
"โรงงานแห่งนี้เป็นฐานการผลิตสำคัญเพื่อส่งออกรถยนต์ไปยังประเทศอาเซียน เช่น เวียดนาม และบางประเทศในยุโรป โดยไม่มีการเน้นตลาดสหรัฐฯ จึงไม่ถูกกระทบจากมาตรการภาษีของอเมริกา" ผู้บริหาร BYD กล่าว
ด้าน ดร.สืบพงศ์ ปราบใหญ่ ประธานหลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย-จีน กล่าวว่า การเยี่ยมชมโรงงาน BYD ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าไทยไม่ใช่แค่ฐานการผลิต แต่กำลังกลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค ความร่วมมือไทย-จีนครั้งนี้คือโมเดลที่ชัดเจนของการยกระดับอุตสาหกรรม สร้างงาน และพัฒนาคนไทยให้พร้อมกับเทคโนโลยีแห่งอนาคต
"การศึกษาดูงานครั้งนี้ทำให้ผู้เข้าอบรมได้เห็นจริงทั้งระบบ ตั้งแต่เทคโนโลยีการผลิต EV ขั้นสูง การพัฒนา Supply Chain จนถึงกลยุทธ์ขยายตลาด สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือ ไทยมีศักยภาพครบทุกด้าน ทั้งบุคลากร โครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ เราพร้อมจะเป็นศูนย์กลาง EV ในอาเซียนและต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจไทย-จีนในอนาคต” ดร.สืบพงศ์กล่าว
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่