ทางหลวงชนบท ติดตามอุทกภัย จ.น่าน เร่งสำรวจความเสียหาย

นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) พร้อมด้วย นายไกวัล วัฒนา ผู้อำนวยการสำนักบำรุงทาง ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยบนถนนทางหลวงชนบทในพื้นที่จังหวัดน่าน ทั้งนี้ ได้รับฟังรายงานสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวมตลอดช่วงที่ผ่านมาอันมีผลกระทบต่อโครงข่ายทางหลวงชนบท ซึ่งเป็นเขตในความรับผิดชอบของแขวงทางหลวงชนบทน่าน สำนักงานทางหลวงชนบทที่ 17 (เชียงราย) ณ บริเวณสะพานน่านนครพัฒนา (สาย นน.012) ตำบลฝายแก้ว อำเภอภูเพียง, เมือง จังหวัดน่าน โดยในช่วงที่ผ่านมาสายทางดังกล่าวได้รับผลกระทบหนัก จากปริมาณแม่น้ำน่านที่เพิ่มสูงขึ้นปิดทับสายทางและพัดพาเศษกิ่งไม้ เศษโคลนมาติดค้างเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชนสองฟากฝั่ง ไม่สามารถใช้การได้ในระยะเวลาหนึ่ง 

ปัจจุบันปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านเริ่มลดลง เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงชนบทน่าน จึงสามารถเข้าจัดการสายทางเพื่อคืนผิวจราจรให้ประชาชนสัญจรได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ อธิบดีฯ ยังได้ตรวจสอบสภาพการใช้งานบนโครงข่ายดังกล่าวเพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัย และป้องกันความเสียหายของสายทางที่อาจได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยที่ผ่านมา พร้อมให้คำแนะนำในการปฏิบัติงาน เพื่อให้สายทางดังกล่าวมีความปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นอุ่นใจในการคมนาคมสัญจรของประชาชนอย่างสูงสุด

ทั้งนี้ นายมนตรี ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยบนถนนทางหลวงชนบทสาย นน.4020 แยก ทล.1169 - บ้านห้วยสอน อำเภอภูเพียง, เวียงสา จังหวัดน่าน ซึ่งปัจจุบันสามารถเปิดเส้นทางเพื่อให้ประชาชนใช้สัญจรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่ผ่านมาสายทางดังกล่าวได้รับผลกระทบจากปริมาณฝนที่ตกหนักสะสม จนประชาชนในพื้นที่ไม่สามารถใช้ในการสัญจรได้ ซึ่งได้เน้นย้ำแก่แขวงทางหลวงชนบทน่าน และสำนักงานทางหลวงชนบทที่ 17 (เชียงราย) ให้ตรวจสอบความเสียหายของสายทางอย่างละเอียด เป็นการป้องกันความเสียหายของผิวทาง หากพบให้เร่งดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน พร้อมตรวจสอบระบบไฟฟ้าแสงสว่างอย่างถี่ถ้วน เพื่อป้องกันความเสียหายของระบบไฟฟ้า และเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ 

นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่บริเวณสะพานดู่ใต้พัฒนา (สาย นน.007) อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เพื่อติดตามผลกระทบหลังเกิดเหตุอุทกภัย ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ซึ่งนอกจากปริมาณน้ำที่ท่วมปิดทับการสัญจรแล้ว สายทางดังกล่าวยังได้รับผลกระทบจากการหักโค่นของเสาไฟฟ้าและต้นไม้ รวมถึงผลกระทบจากเศษโคลน เศษกิ่งไม้ที่ติดค้าง และได้สั่งการให้ระดมเจ้าหน้าที่เคลียร์สายทางให้เรียบร้อย พร้อมแก่การเปิดใช้งาน รวมถึงสำรวจความเสียหายให้ละเอียดครบถ้วน ทั้งตอม่อสะพาน ราวสะพาน ผิวจราจร และไฟฟ้าส่องสว่าง หากพบให้เร่งดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงโดยทันที เพื่อให้เกิดความสะดวก ปลอดภัยต่อการเดินทางของประชาชน และได้มอบถุงยังชีพให้กับประชาชนในพื้นที่