วันพุธ ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2568 13:25 น.

เศรษฐกิจ

”ฉันทวิชญ์“ แจงพาณิชย์ เดินหน้าเยียวยาผู้ประกอบการไทย ฝ่าวิกฤตการค้า-ชายแดน รักษาความสามารถการแข่งขันการค้า หลังสหรัฐฯ ประกาศ tariff 19%

วันจันทร์ ที่ 04 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 15.02 น.

”ฉันทวิชญ์“ แจงพาณิชย์ เดินหน้าเยียวยาผู้ประกอบการไทย ฝ่าวิกฤตการค้า-ชายแดน รักษาความสามารถการแข่งขันการค้า หลังสหรัฐฯ ประกาศ tariff 19%

 

 

 

วันที่ 4 สิงหาคม 2568  ณ ห้องประชุมมโนปกรณ์นิติธาดา กระทรวงพาณิชย์ นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกในโครงการ “ส่งเสริมกาแฟไทยอย่างยั่งยืนด้วย FTA” พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงผลในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ และมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน

 

 

นายฉันทวิชญ์ กล่าวว่า การที่สหรัฐฯ เห็นชอบ อัตราภาษีนำเข้า 19% ถือเป็นข่าวดีและเป็น “สเต็ปแรก” ที่ช่วยให้ไทยยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันทางการค้าไว้ได้ อย่างไรก็ตาม การเจรจายังไม่สิ้นสุด โดยไทยยังต้องผลักดันในหลายประเด็นสำคัญ เช่น กฎถิ่นกำเนิดสินค้า (Rules of Origin) และมาตรการ Regional Value Content (RVC)เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้รับประโยชน์สูงสุดและสามารถปรับตัวได้โดยไม่เกิดผลกระทบที่รุนแรง

 

“กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการอย่างเข้มข้น ทั้งการปรับปรุงกฎระเบียบให้สอดคล้องกับมาตรการของสหรัฐฯ และการสนับสนุนผู้ประกอบการในการปรับตัว นอกจากนี้เรายังเดินหน้าหาตลาดใหม่ (diversification) เพื่อสร้างโอกาสการส่งออกเพิ่มขึ้น โดยไม่ละทิ้งตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ”นายฉันทวิชญ์ กล่าว

 

 

ขณะเดียวกัน กระทรวงฯ ได้หารืออย่างใกล้ชิดกับผู้ประกอบการทั้งภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกร เพื่อรับฟังความคิดเห็นและหามาตรการช่วยเหลือที่เหมาะสม เช่น การเตรียมความพร้อมต่อกฎ RVC ใหม่ และการใช้โครงการต่างๆ เพื่อบุกตลาดใหม่ โดยกาแฟไทยเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนถึงศักยภาพของผู้ประกอบการที่สามารถต่อยอดสู่ตลาดโลกได้

 

 

ในประเด็นรายละเอียดของข้อตกลง นายฉันทวิชญ์ระบุว่า ขณะนี้ คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบในหลักการแล้ว และคาดว่าสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) จะประกาศความตกลงอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ หลังจากนั้น ไทยจะต้องดำเนินกระบวนการทางกฎหมายภายในประเทศ โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการค้าระหว่างประเทศ

 

 

นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยฯ ยังกล่าวถึงมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ออก 4 มาตรการหลัก ได้แก่

 

1.ควบคุมราคาสินค้าจำเป็น “ห้ามขาด ห้ามแพง”ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาและติดตามรายงานสถานการณ์รายวัน

2.ช่วยผู้ประกอบการระบายสินค้าคงคลัง โดยประสานกับห้างร้านและจุดกระจายสินค้า

3.แก้ปัญหาด้านโลจิสติกส์ โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกการขนส่ง

4.สนับสนุนการหาตลาดใหม่ ทั้งในและต่างประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า

 

“สิ่งสำคัญคือการปรับตัวและการทำงานเชิงรุกของทีมไทยแลนด์ เพื่อให้การเจรจานี้สร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อผู้ประกอบการไทยและทุกภาคส่วนในระยะยาว” นายฉันทวิชญ์ กล่าว