AOT โชว์ผลดำเนินงาน 9ด.แรก ผู้โดยสาร-เที่ยวบิน โตต่อเนื่อง
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยถึงปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) ใน 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (เดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนมิถุนายน 2568) มีจำนวนเที่ยวบินรวม 602,195 เที่ยวบิน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.79 แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 341,523 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 260,672 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารมาใช้บริการรวม 97.24 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.87 แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 59.48 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 37.76 ล้านคน
ทั้งนี้ จากการที่ ทสภ.ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรกของท่าอากาศยานที่มีการเชื่อมต่อทางอากาศดีที่สุด (Airport Connectivity Ranking) ประจำปี 2567 โดยสภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักเดินทางที่มีต่อท่าอากาศยานของ AOT ทั้งในด้านความปลอดภัย การให้บริการ และความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การเติบโตของจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารยังส่งผลให้รายได้รวมจากการดำเนินงานในภาคการบินของ AOT ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – มิถุนายน 2568) เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากกิจการการบินจำนวน 25,645.27 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน เพิ่มขึ้น 2,376.90 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.22 ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 52,324.21 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 14,262.37 ล้านบาท
นอกจากนี้ ท่าอากาศยานของ AOT ได้รับความสนใจจากสายการบินในการขยายเครือข่ายเส้นทางการบินอย่างต่อเนื่อง โดยแผนตารางบินฤดูหนาว (Winter Schedule) ประจำปี 2568 (เดือนตุลาคม 2568 - มีนาคม 2569) ณ ท่าอากาศยานของ AOT มีสายการบินใหม่ 7 สา ยการบิน เข้ามาให้บริการในประเทศไทย
ขณะเดียวกัน AOT ก็มีแผนหาแหล่งรายได้อื่นเพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่ง และยั่งยืนในอนาคต โดยเฉพาะรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non-Aeronautical Revenue) เช่น การเปิดให้นักลงทุนและผู้ประกอบการทั้งภายในประเทศและต่างประเทศมีโอกาสพัฒนาพื้นที่ศักยภาพรอบสนามบินทั้ง 6 แห่ง
เพื่อประกอบธุรกิจ เช่น โรงแรม โครงการ MRO โครงการ Private Jet Terminal โครงการ Logistics Hub Training Center ศูนย์ซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า โชว์รูมรถยนต์ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และโครงการ Attraction in Terminal เป็นต้น และยังมีการจัดเก็บค่าบริการระบบไฟฟ้า 400 Hz และระบบปรับอากาศ PC-AIR ที่อาคาร SAT-1 ทสภ. ที่สอดรับกับแนวโน้มการเติบโตของสายการบินที่เข้ามาใช้บริการที่ ทสภ.ที่เพิ่มขึ้นทุกปี
นางสาวปวีณา กล่าวว่า จากภาพรวมผลดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ AOT ทั้งในด้านปริมาณเที่ยวบิน ผู้โดยสาร รายได้ และการขยายเครือข่ายเส้นทางบิน ทั้งนี้ AOT ยังคงเดินหน้าพัฒนาปรับปรุงการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อการให้บริการที่ดีแก่ผู้โดยสาร และรองรับการเติบโตของการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่เข้าสู่ประเทศไทยในอนาคต เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคที่พร้อมรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินโลก Aviation Hub อย่างมั่นคง