วันเสาร์ ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2568 01:50 น.

เศรษฐกิจ

ก.พลังงานเร่งเครื่อง ดัน “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” วิสาหกิจลำปาง

วันพุธ ที่ 03 กันยายน พ.ศ. 2568, 14.46 น.

ก.พลังงานเร่งเครื่อง ดัน “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” วิสาหกิจลำปาง

 


กระทรวงพลังงานเร่งเครื่อง ดัน “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” วิสาหกิจลำปาง มุ่งเป้าสร้างสินค้ารักษ์โลก เตรียมเปิดตลาดในปั๊มน้ำมัน เน้นขยายฐานคนรุ่นใหม่ ระบุช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดการใช้พลังงาน และลดโลกร้อน สร้างรายได้รวมกว่า 4 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ ขยายเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

 

 นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงานและโฆษกกระทรวงพลังงาน และนางพัทธ์ธีรา สายประทุมทิพย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะและสื่อมวลชน ลงพื้นที่จังหวัดลำปาง เพื่อเยี่ยมชมความสำเร็จของ “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” ของวิสาหกิจชุมชนต้นแบบ 2 แห่ง ได้แก่ กลุ่มเพาะแปรรูปเห็ดบ้านสวนแม่ทะ อำเภอแม่ทะ ผู้ผลิต “ข้าวเกรียบเห็ด ตราครูกานต์” และกลุ่มข้าวแต๋นทวีพรรณ อำเภอเกาะคา ผู้ผลิต “ข้าวแต๋นทวีพรรณ” ที่นำเทคโนโลยีด้านพลังงานไปปรับใช้ในกระบวนการผลิต จนสามารถลดต้นทุน สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ และเติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมมอบใบรับรอง “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” เพื่อเป็นเครื่องหมายยืนยันถึงความสำเร็จในการเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ใส่ใจต่อการใช้พลังงาน สิ่งแวดล้อม และการลดโลกร้อน

 

 

นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า ภารกิจสำคัญของกระทรวงพลังงาน คือ การส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกระดับ โดย “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยนำเทคโนโลยีพลังงานของกระทรวงพลังงานเข้าไปสนับสนุนผู้ประกอบการ ความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนทั้ง 2 แห่งนี้ ยืนยันว่า เมื่อ “ลงทุนด้านพลังงานอย่างถูกทาง” จะเปลี่ยนวิถีการผลิตแบบดั้งเดิมให้ทันสมัย สะอาด ถูกหลักอนามัย ลดการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน และเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม สามารถขยายผลไปยังชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศได้

 

“ข้าวเกรียบเห็ด ตราครูกานต์” วิสาหกิจชุมชนเพาะแปรรูปเห็ดบ้านสวนแม่ทะ อำเภอแม่ทะ เกิดจากการรวมกลุ่มของแม่บ้านเกษตรกรที่เคยประสบปัญหาราคาเห็ดนางฟ้าตกต่ำ พลิกวิกฤตสู่การสร้างผลิตภัณฑ์แปรรูปมูลค่าสูง จุดเด่นคือ การใช้เห็ดนางฟ้าเกษตรอินทรีย์เป็นส่วนผสมหลัก ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์โปรตีนสูง ถูกหลักอนามัย และไม่ใส่สารกันบูด โดยกลุ่มได้รับสนับสนุนการติดตั้งโรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่ออบแห้งแผ่นข้าวเกรียบ ช่วยลดระยะเวลาและทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสม่ำเสมอ ทางกลุ่มฯ ยังมีผลิตภัณฑ์อีกหลากหลาย เช่น เห็ดสวรรค์ น้ำพริกเห็ด เห็ดแดดเดียว เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มฯ ได้รับมาตรฐานรับรอง อาทิ OTOP 5 ดาว, อย., GMP, HACCP และฮาลาล สร้างยอดขายเฉลี่ยปีละ 1.8 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยข้าวเกรียบเห็ดมีค่าการปล่อย CO₂ อยู่ที่ 1.3 กิโลกรัม CO₂ เทียบเท่าต่อกิโลกรัม หากคิดเป็น 1 กระป๋องขนาด 45 กรัม จะปล่อย CO₂ เพียง 0.0586 กิโลกรัม CO₂ เทียบเท่า

 

ด้าน “ข้าวแต๋นทวีพรรณ” กลุ่มข้าวแต๋นทวีพรรณ อำเภอเกาะคา เป็นการต่อยอดภูมิปัญญาชาวบ้านล้านนาในการถนอมอาหารจากข้าวเหนียว เดิมเป็นขนมงานมงคลที่พัฒนาให้ทันสมัยทั้งรสชาติและบรรจุภัณฑ์ มีรสน้ำอ้อย (รสดั้งเดิม) สาหร่าย วาซาบิ และอื่น ๆ การได้รับสนับสนุนจากกระทรวงพลังงานทำให้กลุ่มสามารถบริหารจัดการพลังงานในกระบวนการทอดและการผลิตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องกับแนวทางการผลิตที่ยั่งยืน ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มฯ ได้รับรางวัล OTOP 5 ดาว และเป็น OTOP Product Champion ต่อเนื่อง 3 ปี พร้อมมาตรฐาน GMP, HACCP, Organic และฮาลาล มียอดจำหน่ายเฉลี่ยปีละ 17 ล้านบาท ทั้งจากการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น ยุโรปและออสเตรเลีย รวมถึงการจำหน่ายในประเทศ ซึ่งมียอดจำหน่ายเฉลี่ยปีละ 2.5 ล้านบาท ข้าวแต๋นทวีพรรณมีค่าการปล่อย CO₂ อยู่ที่ 1.06 กิโลกรัม CO₂ เทียบเท่าต่อกิโลกรัม หากคิดเป็น 1 ถุงขนาด 90 กรัม จะปล่อย CO₂ เพียง 0.0954 กิโลกรัม CO₂ เทียบเท่า

 

นายวีรพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงพลังงานจะเร่งเดินหน้าส่งเสริม “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” ทั่วประเทศ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้นในฐานะสินค้ารักษ์โลก โดยในปี 2568 นี้ เตรียมเปิดตัวความร่วมมือกับสถานีบริการน้ำมัน เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าในสถานีบริการน้ำมันและร้านค้าในเครือทั่วประเทศ เปิดโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ และเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลิตภัณฑ์ “ข้าวเกรียบเห็ด ตราครูกานต์” และ “ข้าวแต๋นทวีพรรณ” ได้รับคัดเลือกให้จัดจำหน่ายในร้านไทยเด็ด ของเครือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) แล้ว ซึ่งจะเจาะกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น

 

 

 

“ความสำเร็จของทั้งสองวิสาหกิจชุมชนสะท้อนศักยภาพผู้ประกอบการท้องถิ่นเมื่อได้รับการส่งเสริมด้านเทคโนโลยีพลังงานที่เหมาะสม กระทรวงพลังงานพร้อมสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศ เพื่อลดรายจ่ายด้านพลังงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ส่วนเร็ว ๆ นี้ กระทรวงพลังงานได้เตรียมแคมเปญเปิดตลาด ผลักดันผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน ออกจำหน่ายตามสถานีบริการน้ำมันและร้านค้าในเครือ ซึ่งจะช่วยให้ประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เข้าถึงสินค้าชุมชนได้ง่ายขึ้น บริโภคด้วยมุมมองใหม่ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การลดโลกร้อน ควบคู่กับการยกระดับชีวิตของคนในชุมชน และร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายวีรพัฒน์ กล่าว