เศรษฐกิจ
ขบ.MOU กทท.ใช้ระบบ Big Data แก้ปัญหาจราจรในท่าเรือ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

ขบ.MOU กทท.ใช้ระบบ Big Data แก้ปัญหาจราจรในท่าเรือ
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ฉบับใหม่ ทั้งนี้ เพื่อทดแทนบันทึกข้อตกลงเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 22 สิงหาคม 2568 โดยครั้งนี้ได้ขยายขอบเขต ความร่วมมือให้ครอบคลุมถึง ข้อมูลการติดตามรถบรรทุก สำหรับการควบคุมความปลอดภัย และวิเคราะห์ ระบบขนส่งสินค้า ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน เพื่อสนับสนุนการดำเนินภารกิจ ของทั้งสองหน่วยงาน ยกระดับประสิทธิภาพการบริหารงาน การอำนวยความสะดวกในการบริการลูกค้า สำหรับการ
แบ่งปันข้อมูลทางทะเบียนยานพาหนะ ข้อมูล ใบอนุญาตผู้ประจำรถ และข้อมูลระบบบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (DLT GPS) ของกรมการขนส่งทางบก รวมถึงข้อมูลสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ เพื่อใช้สำหรับการวิเคราะห์สาเหตุและปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ การท่าเรือฯ และเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินงานโดยเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้การท่าเรือฯ หาแนวทาง การแก้ไขผลกระทบที่เกิดจากปัญหาการจราจรบริเวณเขตท่าเรือ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว อีกทั้งการท่าเรือฯ จะสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการขนส่งสินค้า ข้อมูลการบรรทุกสินค้า ที่อยู่ในความควบคุม กำกับของการทำเรือฯ ข้อมูลจำนวนรถบรรทุก ข้อมูลทะเบียนรถ ลักษณะและ ประเภทของสินค้าที่ผ่านท่าเรือทุกแห่งภายในประเทศเพื่อประโยชน์ในการดำเนินภารกิจหลักของกรมการขนส่งทางบก ในการพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าของประเทศ และถือเป็นการดำเนินการ เพื่อประโยชน์ในการบริหาร ราชการแผ่นดินและการให้บริการประชาชนและเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนต่อไป สำหรับการลงนามในความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการต่อยอดและขยายขอบเขตกรอบการบูรณาการ ด้านข้อมูล ได้แก่ การติดตามการเดินรถของรถบรรทุกขนส่งสินค้าในบริเวณพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังและ ท่าเรือกรุงเทพ เพื่อนำไปวิเคราะห์ข้อมูลแนวทางในการแก้ไขปัญหาจราจรบริเวณท่าเรือ อันจะช่วย เพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ของประเทศ โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทยและกรมการขนส่งทางบก เล็งเห็นถึงความสำคัญของข้อมูลที่จะสามารถนำมาปรับใช้กับภารกิจของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งหวังว่า ความร่วมมือกันในวันนี้จะเป็นการช่วยยกระดับและพัฒนาด้านระบบการขนส่งสินค้าของประเทศไทยต่อไป
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า เพื่อขับเคลื่อน การทำงานภาครัฐสู่ยุคดิจิทัล โดยการเสริมศักยภาพการบริหารจัดการยานพาหนะที่เข้า-ออกเขตท่าเรือสามารถตรวจสอบ ควบคุม ลดปัญหาการจราจรติดขัด และเพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่ท่าเรือได้อย่างเป็นระบบ ทั้งหมดนี้จะสร้างประโยชน์โดยตรงต่อผู้ประกอบการ ผู้ใช้บริการท่าเรือ และระบบเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งยังช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และยังเป็นการ วางรากฐานสำคัญสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียน
“การร่วมมือในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการวางแผนเพื่อแก้ปัญหาการจราจรด้านการขนส่งภายในท่าเรือ ซึ่งเป็นการครอบคลุมทั้งหมดของท่าเรือที่อยู่ภายใต้การกำกับของกทท.ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการจราจรติดหนักกว่า 8 ชั่วโมง คาดว่าจะแก้ไขให้ดีขึ้นเป็น 2-4ชั่วโมง สำหรับปริมาณรถขนส่งสินค้าที่ท่าเรือแหลมฉบังประมาณ 15,000-20,000 คัน/วัน ส่วนท่าเรือกรุงเทพมีประมาณ 3,000คัน/วัน อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เพื่อใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบ ควบคุม และบริหารจัดการการขนส่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งนำไปวิเคราะห์เพื่อกำหนดมาตรการด้านการขนส่งที่รัดกุมและทันสมัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทั้งสองหน่วยงานยังร่วมกันส่งเสริมบุคลากรในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ ในด้านต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบ การวิเคราะห์ และการประมวลผลข้อมูล รวมถึงการพัฒนาเทคนิค ในการติดตามและกำกับดูแลยานพาหนะ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายสอดคล้อง ตามนโยบายของรัฐ พ.ร.บ. การบริหารงานและการให้บริการ ภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 “นายเกรียงไกร กล่าว
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่