วันพุธ ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2568 02:11 น.

เศรษฐกิจ

สรรพสามิต โชว์ปีงบ 68 เก็บรายได้ทะลุ 5.3 แสนล้าน-เตรียมกำหนดอัตราภาษีรถยนต์โบราณขึ้นใหม่

วันจันทร์ ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2568, 13.11 น.

สรรพสามิต โชว์ปีงบ 68 เก็บรายได้ทะลุ 5.3 แสนล้าน-เตรียมกำหนดอัตราภาษีรถยนต์โบราณขึ้นใหม่

 

กรมสรรพสามิตแถลงผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่มิได้เป็นเพียงหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดเก็บรายได้เพื่อนำส่งรัฐบาลเพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศเท่านั้น หากแต่ยังคงมุ่งเน้นบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายภาษีที่มีส่วนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ผลิตและผู้บริโภค ให้หันมาใส่ใจสุขภาพและสนับสนุนสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อันเป็นพลังสำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ครอบคลุมทั้งมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของประเทศในระยะยาว

 

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิต เร่งส่งเสริมสุราชุมชน เพื่อสนับสนุน Soft Power ของประเทศ ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบ เพื่อลดอุปสรรคผู้ประกอบการรายใหม่ เพื่อส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจระดับฐานราก ส่งผลให้มีผู้ประกอบการในระบบ 1,824 ราย เพิ่มขึ้น 5% และจัดเก็บภาษีสุราชุมชนได้ 1,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%

 

นอกจากนี้ กรมได้ปรับขึ้นอัตราภาษีเครื่องดื่มตามความหวาน (ระยะที่ 4) มีผลตั้งแต่ 1 เมษายน 2568 เพื่อจูงใจภาคอุตสาหกรรมปรับสูตรการผลิต ส่งผลให้ปัจจุบันมีเครื่องดื่มที่ได้รับเครื่องหมาย Healthier Choice จำนวน 3,411 ผลิตภัณฑ์

 

ขณะที่ในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค. 2567-ส.ค. 2568) กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้รวม 4.89 แสนล้านบาท เติบโต 1.6% จากปีก่อน คาดทั้งปีจะสามารถเก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย 5.35 แสนล้านบาท หรือสูงกว่าปีก่อน 2.17%

 

ล่าสุดได้มีการกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตเตรียมจัดเก็บภาษีรถยนต์โบราณนำเข้าในอัตรา 45% คาดช่วยเพิ่มรายได้ 1-2 พันล้านบาท พร้อมผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางจัดแสดงรถโบราณในภูมิภาค รถที่เข้าข่ายต้องมีอายุ 30 ปีขึ้นไป จดทะเบียนแบบพิเศษ และอนุญาตให้วิ่งเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เว้นแต่ได้รับอนุญาตพิเศษสำหรับงานแสดง ทั้งนี้ ภาษีดังกล่าวไม่รวมรถจักรยานยนต์โบราณ และจะไม่เกี่ยวข้องกับรถยนต์โบราณที่อยู่ในประเทศอยู่แล้ว ส่วนกรณีของรถโบราณที่มีการสวมทะเบียนนั้น เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามตามกฎหมาย

 

ดร.กุลยา กล่าวต่อว่า กรมสรรพสามิตสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ (มาตรการ EV3.0) และมาตรการ EV 3.5 ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 จนถึงเดือนสิงหาคม 68 มียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าสะสม 233,802 คัน และรถยนต์จักรยานยนต์ไฟฟ้าสะสม จำนวน 71,667 คัน มีค่ายรถยนต์เข้าร่วมมาตรการ รถ EV 3.0 รวม 31 ราย แบ่งเป็นรถยนต์ 14 ราย จักรยานยนต์ 17 ราย และเฟส 2 (EV3.5) รวม 10 รายมีเฉพาะรถยนต์อย่างเดียว

 

อธิบดีกรมสรรพากร ย้ำหากค่ายรถไฟฟ้าไม่ยอมทำตามสัญญา ในการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยผลิตรถยนต์ 1-1.5 เท่า ของยอดนำเข้าในช่วงที่ผ่านมา และต้องจ่ายชดเชยรถไฟฟ้าอัตราภาษีจากเดิมร้อยละ 8 ลดเหลือร้อยละ 2 ส่วนต่างร้อยละ 6 รวมทั้งจ่ายเงินค่าปรับบวกเงินเพิ่ม เพราะไม่สามารถสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ตามสัญญา และรัฐบาลจะไม่จ่ายเงินอุดหนุน กำหนดเส้นตาย 31 ธ.ค. 68 นี้ โดยโครงการ EV 3.0 ตั้งโรงงานผลิตไปแล้ว ส่วนโครงการเฟส 3 EV 3.5 ยังมีค่ายรถยนต์บางรายยังไม่ทำตามสัญญา