วันอาทิตย์ ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2568 02:29 น.

เศรษฐกิจ

กรมพัฒน์ฯ เร่งเครื่องปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย ตั้งหน่วยงานป้องกันและปราบปราม

วันพฤหัสบดี ที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 12.40 น.

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าขานรับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางศุภจี สุธรรมพันธุ์) ที่เน้นป้องกันและปราบปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (นอมินี) โดยตั้งหน่วยงานภายในระดับกองและแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย เพื่อกวาดล้างธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมาย  

เมื่อวันที่ 2  ตุลาคม 2568  นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ปัจจุบันการจดทะเบียนจัดตั้ง นิติบุคคล กรมฯ พยายามให้ภาคธุรกิจได้รับความสะดวก รวดเร็ว และจดทะเบียนได้ง่ายขึ้น โดยเน้นให้บริการผ่านออนไลน์ แต่ในทางกลับกัน ผู้ไม่สุจริตก็ใช้เป็นช่องทางหลอกลวงประชาชนได้ง่ายเช่นกัน โดยมีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลและเปิดบัญชีกับธนาคารเพื่อหลอกลวงประชาชนในลักษณะ “บัญชีม้าแบบนิติบุคคล” นอกจากนี้ ยังมีนิติบุคคลบางรายที่หลีกเลี่ยงหรือประกอบธุรกิจโดยฝ่าฝืนกฎหมาย รวมถึงกรณีที่บุคคลต่างด้าวจดทะเบียน       นิติบุคคลโดยอาศัยคนไทยเป็นตัวแทนอำพรางหรือนอมินี (Nominee) ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน โดยสถานการณ์ดังกล่าวทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ กรมฯ จึงได้จัดตั้งกองป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย เพื่อรับผิดชอบเรื่องดังกล่าวโดยตรง และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อการป้องกันและปราบปรามการฝ่าฝืนกฎหมาย และยังได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย โดยมีอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นประธานคณะกรรมการด้วยตนเอง          

 

ในการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568  ที่ประชุมได้กำหนดกรอบนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามธุรกิจที่หลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย รวมทั้งมีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการป้องกันการจดทะเบียนธุรกิจ คณะอนุกรรมการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ คณะอนุกรรมการด้านการตรวจสอบบัญชีธุรกิจ และคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย เพื่อดำเนินการตามภารกิจในแต่ละด้าน สำหรับแนวทาง วิธีการตรวจสอบ รวมทั้งมาตรการในการป้องกันและปราบปรามธุรกิจที่หลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย คณะอนุกรรมการ      แต่ละด้านจะได้พิจารณากำหนดต่อไป ทั้งนี้ หากพบการกระทำความผิดจะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิดให้ถึงที่สุด 

นายพูนพงษ์ฯ กล่าวส่งท้ายว่า การดำเนินการป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมายในรูปแบบของคณะกรรมการฯ และการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อภารกิจภาครัฐ การลงทุน และดำเนินธุรกิจภาคเอกชนเป็นไปด้วยความสะดวก ก่อให้เกิดความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาประเทศในระยะยาว รวมถึงให้ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์จากการพัฒนาประเทศอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม