วันอังคาร ที่ 07 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 13.11 น.
ซัน-อัพ รีไซคลิง ผนึก ENTEC-สวทช. และ NEDO ขับเคลื่อนโปรเจกต์ ESG
ซัน-อัพ รีไซคลิง ร่วมกับ ENTEC-สวทช. และ NEDO ขับเคลื่อนโปรเจกต์ ESG ลดคาร์บอนภาคอุตสาหกรรม ด้วยน้ำมันไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME
บริษัท ซัน-อัพ รีไซคลิง จำกัด เดินหน้าเต็มกำลังในโครงการด้าน ESG (Environment, Social, Governance) โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) และ องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (NEDO) เพื่อเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ในภาคอุตสาหกรรม ความร่วมมือครั้งนี้ได้รวมพลังกับพันธมิตรทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ อาทิ บริษัท โทคิน อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีการนำน้ำมันไบโอดีเซลเกรดพิเศษ
H-FAME มาใช้ในกระบวนการขนส่งและการรีไซเคิลสารโซลเว้นท์ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลญี่ปุ่น
H-FAME คือไบโอดีเซลเกรดพรีเมียมที่พัฒนาขึ้นโดย ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สวทช. เพื่อยกระดับคุณภาพและเพิ่มความเสถียรของไบโอดีเซลที่ผลิตจากน้ำมันปาล์มในประเทศไทย สามารถใช้ในเครื่องยนต์ในสัดส่วนผสมที่สูงกว่าไบโอดีเซลทั่วไปหรือใช้เป็นเชื้อเพลิงบริสุทธิ์ได้ ตอบโจทย์การใช้พลังงานทางเลือกจากผลิตภัณฑ์ภายในประเทศสำหรับการขนส่งคาร์บอนต่ำ ภายใต้การสนับสนุนทุนจาก NEDO เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาพลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน
นายสยามณัฐ พนัสสรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัน-อัพ รีไซคลิง จำกัด กล่าวว่า “บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจรีไซเคิลสารโซลเว้นท์และสร้างเครื่องบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยลูกค้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่แล้ว การนำไบโอดีเซล H-FAME มาใช้กับรถบรรทุกทุกคันที่ใช้รับส่งสารโซลเว้นท์ จะยิ่งช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลงได้อีก เราตระหนักดีว่าการขนส่งสารโซลเว้นท์และสารไวไฟมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัยที่สูง ทำให้ยังไม่สามารถใช้รถบรรทุกไฟฟ้า (EV) ได้ ทำให้ไบโอดีเซลเป็นทางเลือกเดียวที่ตอบโจทย์การลดคาร์บอนได้ ความร่วมมือนี้เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพพลังงานทางเลือกจากน้ำมันปาล์มในประเทศ ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบ และสนับสนุนเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคการขนส่งและสร้างความยั่งยืนให้กับห่วงโซ่อุปทาน”
ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สวทช. กล่าวว่า “การถ่ายทอดเทคโนโลยี H-FAME ให้ภาคเอกชนนำไปใช้จริงในอุตสาหกรรม เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำงานวิจัยไปต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันและสนับสนุนเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ENTEC สวทช. ขอขอบคุณ NEDO ที่มองเห็นศักยภาพและให้การสนับสนุนในโครงการนี้ ซึ่งเป็นแรงสำคัญในการผลักดันเทคโนโลยีสู่การใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรม”
Dr. Tomohiko KATO, Chief Representative of Asian Representative Office in Bangkok องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (NEDO) กล่าวว่า “NEDO ยินดีที่ได้สนับสนุนโครงการ H-FAME ในประเทศไทย ความร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีไบโอดีเซลเกรดพิเศษที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดได้อย่างเป็นรูปธรรม เราหวังว่าความสำเร็จนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนาพลังงานทางเลือกอย่างยั่งยืนในระดับอุตสาหกรรมต่อไป”

คุณอรวรรณ ภิระแก้ว , กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทคิน อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โทคินผลิตตัวเก็บประจุคุณภาพสูงและชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการมีระบบรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพ และในวันนี้เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นคู่ค้าคือ ซัน-อัพ รีไซคลิง ใช้เชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำอย่าง H-FAME ในกระบวนการรีไซเคิลสารโซลเว้นท์ของเรา ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ตลอดทั้งซัพพลายเชน ถือเป็นการร่วมมือกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน”
คุณนารีรัตน์ ธนะเกษม ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาศักยภาพและเผยแพร่องค์ความรู้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) กล่าวว่า “อบก. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกร่วมกับทางบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ บริษัท ซัน-อัพ รีไซคลิง ได้ดำเนินการขอรับรองฉลากคาร์บอนสำหรับผลิตภัณฑ์ (CFP) สำหรับโซลเว้นท์รีไซเคิล การได้รับการรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับผลิตภัณฑ์ แสดงถึงความโปร่งใสในกระบวนการผลิตและยืนยันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์รีไซเคิลอย่างชัดเจน ช่วยขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นต้นแบบในการช่วยสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมไทยบรรลุเป้าหมายการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้อย่างยั่งยืน”