วันศุกร์ ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 02:43 น.

เศรษฐกิจ

ชุบชีวิตผืนดินด้วย “โบกาฉิ” จากความหวังเล็ก ๆ สู่รากลึกแห่งความยั่งยืน ที่บ้านควน จังหวัดกระบี่

วันอังคาร ที่ 04 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 09.40 น.

ชุบชีวิตผืนดินด้วย “โบกาฉิ”

จากความหวังเล็ก ๆ สู่รากลึกแห่งความยั่งยืน ที่บ้านควน จังหวัดกระบี่

 

 

กลางชุมชนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ “บ้านควน” เคยเป็นพื้นที่เกษตรที่ต้องพึ่งพาปุ๋ยเคมีแทบทั้งหมด ชาวบ้านต่างใช้ชีวิตท่ามกลางความหวังและความกังวลที่ผสมปนเปกันอยู่ในใจ — หวังว่าผลผลิตจะดีขึ้น แต่ก็หวั่นกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี จนกระทั่งปี 2560 จุดเปลี่ยนสำคัญได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำ “โครงการชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เข้ามาจุดประกายความรู้ใหม่ให้กับชุมชน ผ่าน “โบกาฉิ” สารปรับปรุงดินจากธรรมชาติ ที่ไม่เพียงฟื้นคืนชีวิตให้ผืนดิน แต่ยังคืนพลังให้หัวใจของผู้คนในหมู่บ้าน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ด้วยแรงสนับสนุนจาก กฟผ. และวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกระบี่ ที่เข้ามาช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ พร้อมทุนสนับสนุน โรงเรือน และเครื่องจักรกล จึงเกิดเป็น “วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ชีววิถีบ้านควน” ขึ้น โดยมีพี่จุรีย์และสมาชิกอีก 10 คนร่วมแรงกันเรียนรู้การผลิตโบกาฉิจากวัสดุในท้องถิ่น มูลสัตว์ รำละเอียด กากน้ำตาล และหัวเชื้อ EM หมักเพียง 7 วัน ก็ได้สารปรับปรุงดินที่คืนชีวิตให้ผืนดินและพืชผล จากการทดลองเพียง 10 กระสอบ กลายเป็นการผลิตกว่า 50–60 ตันต่อปี ทุกก้าวเล็ก ๆ ของพวกเขา คือผลลัพธ์จากความร่วมแรงร่วมใจและความเชื่อมั่นว่า “ถ้าดินกลับมามีชีวิต ชุมชนก็จะมีชีวิตอีกครั้ง”

 

ดินดี ผลผลิตดี ชีวิตก็ดีตาม

 

 

ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่เพียงตัวเลขในบัญชี แต่คือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ต้นทุนการเพาะปลูกลดลงจากรอบละ 30,000 บาท เหลือเพียง 5,000 บาท ขณะที่ผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 70% ดินที่เคยแข็งกระด้างกลับมาร่วนซุย เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ช่วยฟื้นความอุดมสมบูรณ์

 

 

 

 

 

“กล้วยหอมทองของเรายังได้รางวัลจากงานเกษตรจังหวัดด้วยนะ” พี่จุรีย์พูดด้วยรอยยิ้มภูมิใจ 

 

สวนที่เคยมีแต่ปาล์มและยางพารา วันนี้กลายเป็นสวนผสมผสานที่อุดมไปด้วยผัก ผลไม้ และพืชสวนหลากหลาย บ้านแต่ละหลังมีอาหารปลอดภัยไว้กินเองทั้งปี เป็นภาพของชีวิตที่เรียบง่ายแต่ยั่งยืน

 

 

 

 

 

จากบ้านควน สู่แรงบันดาลใจในต่างพื้นที่

 

 

ผลลัพธ์ของชุมชนเล็ก ๆ แห่งนี้เหมือนคลื่นน้ำที่ค่อย ๆ แผ่ขยายออกไปยังตำบลคลองท่อมใต้ จังหวัดกระบี่ พี่สุภานีย์ ศรีสุขสมวงศ์ เจ้าของ Yak Space Café ได้นำโบกาฉิไปใช้ในสวนกาแฟของตนและได้ผลเกินคาด กาแฟที่เคยขายได้กิโลกรัมละ 70–80 บาท ก็เพิ่มขึ้นเป็น 200–300 บาท บริษัทเอกชนเริ่มมารับซื้อถึงสวน ส่วนสวนปาล์มที่เคยให้ผลเฉลี่ย 40 กิโลกรัมต่อรอบ ก็เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 70 กิโลกรัม และลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงกว่าครึ่ง

 

 

 

 

 

 

“พอดินดี ผึ้งก็มาทำรัง นกก็กลับมา เหมือนเราสร้างป่าเล็ก ๆ ของเราเอง” พี่สุภานีย์พูดอย่างอิ่มใจ

 

 

 

 

 

ต้นไม้ที่เติบโตในสวนแห่งนี้ คือพื้นที่เกษตรผสมผสานที่มีทั้งกาแฟ กล้วย โกโก้ และการเลี้ยงผึ้งร่วมอยู่ด้วย สามารถลดการใช้สารเคมี คืนสมดุลให้ธรรมชาติ และสร้างระบบนิเวศที่เกื้อกูลกัน

 

 

ความสำเร็จที่วัดได้ด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ความสำเร็จ” ไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขกำไร แต่คือการที่ทุกครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ชีววิถีบ้านควนไม่ได้มุ่งหาแต่รายได้ แต่ตั้งใจยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกครัวเรือน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในภาวะเปราะบาง เช่น ครอบครัวผู้พิการหรือผู้ป่วยติดเตียง การทำงานจึงเป็นลักษณะของการถือหุ้นร่วมกัน แบ่งปันผลกำไร อีกทั้งจัดตั้งกองทุนเพื่อการศึกษาให้เด็กในชุมชน เสริมทั้งรายได้และรากฐานทางสังคมไปพร้อม ๆ กัน ภายใต้แนวคิดเดียวกันว่า “เมื่อเรามีความสุข ชุมชนก็ต้องมีความสุขไปด้วยกัน”

 

 

วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ชีววิถีบ้านควนตั้งเป้าพัฒนาแบรนด์สินค้าเกษตรอินทรีย์ของตนเอง และขยายตลาดโบกาฉิไปสู่พืชเศรษฐกิจใหม่ ๆ อย่างทุเรียน ผักสลัด และพริก เพื่อเปิดทางสู่ “เศรษฐกิจสีเขียว” ที่มั่นคงและยั่งยืนกว่าเดิม

 

 

เรื่องราวของวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ชีววิถีบ้านควน คือภาพสะท้อนของการเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่เติบโตอย่างงดงาม จากการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคการศึกษา และคนในชุมชน ที่ช่วยกันฟื้นดิน สร้างอาชีพ และต่อยอดสู่การพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง วันนี้ “โบกาฉิ” ไม่ได้เปลี่ยนแค่ผืนดินให้กลับมามีชีวิต แต่ยังปลุกหัวใจของผู้คนให้กลับมาเปี่ยมด้วยพลังและความหวังอีกครั้ง