เศรษฐกิจ
กฎกระทรวงว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2568 ของบริษัทมหาชน มีผลบังคับใช้แล้ว
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
กระทรวงพาณิชย์ประกาศบังคับใช้กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2568 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 142 ตอนที่ 75 ก ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2568 นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2568 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษามีผลบังคับใช้เรียบร้อยแล้ว โดยกฎกระทรวงฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงเกณฑ์การซื้อหุ้นคืนของบริษัทมหาชนจำกัด ให้มีความยืดหยุ่นและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุน โดยมีสาระสำคัญ 2 ประเด็น คือ 1. ยกเลิกระยะเวลาพักคอย (Breaking Period) จากเดิมบริษัทมหาชนต้องรอ 6 เดือน ก่อนเริ่มโครงการซื้อหุ้นคืนใหม่ กฎกระทรวงฉบับนี้ปรับปรุงให้สามารถเริ่มโครงการใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารทุนของบริษัท และ 2. ขยายระยะเวลาการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน จากเดิมบริษัทต้องจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนภายใน 3 ปี หากแต่หลักเกณฑ์ใหม่สามารถขยายกรอบเวลาได้อีก 2 ปี เพื่อให้บริษัทสามารถเลือกช่วงเวลาในการจำหน่ายที่เหมาะสมกับสภาพตลาดได้มากขึ้น

.jpg)
.jpg)
อธิบดีพูนพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การแก้ไขเพิ่มเติมครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทมหาชนจำกัด สามารถวางแผนการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินได้มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องและศักยภาพของตลาดทุน สร้างประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ตลาดทุน และเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ พร้อมทั้งลดข้อจำกัดด้านกรอบเวลาการจำหน่ายหุ้นคืนให้บริษัทสามารถขายหุ้นคืนในช่วงเวลาที่เหมาะสมได้มากขึ้น
นอกจากนี้ การปรับปรุงกฎกระทรวงครั้งนี้ยังสอดรับกับคำแถลงนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา และสนับสนุนนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ (นางศุภจี สุธรรมพันธุ์) ที่มุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ทันสมัยและเอื้อต่อการแข่งขัน ผ่านการปรับปรุงกฎระเบียบและกระบวนการอนุญาตให้มีความสะดวก โปร่งใส และเป็นมิตรต่อผู้ประกอบการ เพื่อยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการไทยและขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ”
“กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังคงมุ่งมั่นลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ และสนับสนุนการยกระดับตลาดทุนไทยให้ทันสมัย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ และคาดหวังว่าการปรับปรุงกฎกระทรวงครั้งนี้จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการทุนของบริษัทมหาชนจำกัด และสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทยให้มีความมั่นคง โปร่งใส และแข่งขันได้ในระยะยาวต่อไป” อธิบดีพูนพงษ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย
#SuperDBD #กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #กระทรวงพาณิชย์
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่








