วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568 00:47 น.

เศรษฐกิจ

กทท.ปลื้มผลประกอบการปีงบ’68 กำไรโต 7,000 ล้านบาท เรือผ่านท่าสินค้า ตู้สินค้าต่อเนื่อง 

วันอังคาร ที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 11.11 น.

กทท.ปลื้มผลประกอบการปีงบ’68 กำไรโต 7,000 ล้านบาท เรือผ่านท่าสินค้า ตู้สินค้าต่อเนื่อง 

 

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. เปิดเผยถึงภาพรวมการให้บริการของ กทท. ในปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) มีเรือเทียบท่ารวม 15,113 เที่ยว เพิ่มขึ้น 4.61% ปริมาณสินค้าผ่านท่ารวม 125.07 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5.46% และปริมาณตู้สินค้าผ่านท่ารวม 11.43 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 6.44% จากปีก่อนหน้า

 

 

       

สำหรับผลประกอบการท่าเรือหลักของ กทท. ได้แก่

 

• ท่าเรือกรุงเทพ มีเรือเทียบท่า 4,460 เที่ยว เพิ่มขึ้น 7.37% สินค้าผ่านท่า 18.92 ล้านตัน ลดลง 0.49% และมีปริมาณตู้สินค้า 1.28 ล้านที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 0.18%

 

• ท่าเรือแหลมฉบัง มีเรือเทียบท่า 10,653 เที่ยว เพิ่มขึ้น 3.50% สินค้าผ่านท่า 106.15 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.60% และมีตู้สินค้าผ่านท่า 10.15 ล้านที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 7.28% ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างมั่นคงของท่าเรือหลักของประเทศ แสดงถึงความพร้อมและประสิทธิภาพในการให้บริการของ กทท.

        

นอกจากนี้ ท่าเรือภูมิภาคของ กทท. ก็มีแนวโน้มเติบโตเช่นกัน โดยท่าเรือระนอง มีปริมาณตู้สินค้าผ่านท่า 5,459 ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้นสูงถึง 95.24% และ ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน มีสินค้าผ่านท่า 1.87 แสนตัน เพิ่มขึ้น 62.72% สอดคล้องกับการขยายตัวของการค้าชายแดนและเส้นทางโลจิสติกส์สู่ภูมิภาค BIMSTEC

        

“ภายใต้สภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง กทท. ยังคงสามารถดำเนินงานได้อย่างมั่นคง โดยมีกำไรสุทธิ 7,096 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาศักยภาพการให้บริการท่าเรือไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการบริหารจัดการ เพื่อรองรับความต้องการของภาคธุรกิจโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น และส่งเสริมการเติบโตของกิจกรรมขนส่งทางน้ำของประเทศในภาพรวม”นายเกรียงไกร กล่าว

         

สำหรับไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2569 กทท. พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ภายใต้การกำกับดูแลของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อวางรากฐานคมนาคม เพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งทางน้ำและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องให้มีประสิทธิภาพ โดยจะเร่งดำเนินการตามแผนสำคัญ ได้แก่ การติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย การแก้ไขปัญหาการจราจรโดยรอบพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพและแหลมฉบังให้มีความคล่องตัว ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการพัฒนาท่าเรือระนองให้เป็นท่าเรือสนับสนุนโครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อเสริมศักยภาพด้านโลจิสติกส์ของประเทศ