วันจันทร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2568 19:36 น.

การเงิน หุ้น

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร สนับสนุนการแสดงหุ่นกระบอก “ตะเลงพ่าย”

วันพุธ ที่ 06 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562, 15.06 น.

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร สนับสนุนการแสดงหุ่นกระบอก “ตะเลงพ่าย”

 

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร นำโดยนายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร และ นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักของการแสดงหุ่นกระบอก “ตะเลงพ่าย” รอบปฐมฤกษ์ ผลงานชิ้นเอกจากการสร้างสรรค์กว่า 30 ปีของอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี 2543 และคณะ ณ พิพิธภัณฑ์ จักรพันธุ์ โปษยกฤต เขตสายไหม โดยการแสดงครั้งนี้จัดขึ้นเป็นวาระพิเศษสำหรับลูกค้าและแขกผู้มีเกียรติของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เพื่อช่วยระดมทุนให้มูลนิธิจักรพันธุ์ โปษยกฤต สามารถดำเนินการจัดสร้างหุ่นกระบอก โรงละคร ตลอดจนพิพิธภัณฑ์สำหรับสืบทอดองค์ความรู้ในการสร้างสรรค์ศิลปกรรมที่ปรากฏในงานหุ่นกระบอกแก่สาธารณชนอย่างยั่งยืน 

 

 

สำหรับการจัดสร้างหุ่นกระบอก “ตะเลงพ่าย” เกิดขึ้นด้วยปณิธานของมูลนิธิจักรพันธุ์ โปษยกฤต ในการเทิดพระเกียรติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเชิดชูการเสียสละของบรรพชนผ่านศิลปกรรมไทย โดยริเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2532  และมีการจัดสร้างหุ่นกว่า 200 ตัว ประพันธ์บท บรรจุเพลง ตลอดจนคิดค้นฉาก และเทคนิคแสงสีใหม่ทั้งหมดภายใต้การควบคุมของอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต และศิลปาจารย์หลากหลายท่าน อาทิ ครูชูศรี สกุลแก้ว(ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงหุ่นกระบอก)  ครูบุญยงค์ เกตุคง (ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงดนตรีไทย) ครูจำเนียร ศรีไทยพันธุ์ (ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงดนตรีไทย)  ครูบุญยัง เกตุคง (ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงลิเก) ครูวงษ์ รวมสุข(ศิลปินพื้นบ้านดีเด่นและผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สาขาหุ่นกระบอก) และอาจารย์เยื้อน ภาณุทัต ปรมาจารย์ด้านประณีตศิลป์ไทย โดยมีจำนวนผู้เชิดและนักร้อง นักดนตรีรวมเป็นจำนวนกว่า 250 คน จนถือได้ว่าหุ่นตะเลงพ่ายคือแหล่งชุมนุมศิลปกรรมชั้นสูง ไม่ว่า ทัศนศิลป์ คีตดุริยางคศิลป์ นาฏศิลป์ วรรณศิลป์หรือประณีตศิลป์ 

 

ด้วยเหตุนี้ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ซึ่งเชื่อมั่นใน “บริการสากล บนจิตวิญญาณแก่นสารไทย”  จึงมุ่งสนับสนุนผลงานศิลปะอันเป็นเอกนี้ให้สามารถออกแสดงได้เต็มรูปแบบเพื่ออนุรักษ์องค์ความรู้ในทางศิลปะที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยานี้ให้คงอยู่คู่แผ่นดินสืบไป