นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน (GSB) เปิดเผยว่า ในปี 2563 นี้ธนาคารยังคงเดินหน้ามุ่งสู่การเป็น Social Bank หรือ ธนาคารเพื่อสังคม อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างผลเชิงบวกแก่สังคม “Making POSITIVE Impact on Society” ด้วยการดูแลลูกค้าและประชาชน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ผู้มีรายได้น้อย ผู้ประกอบการรายย่อย และองค์กรชุมชน เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ยกระดับรายได้ ต่อยอดเป็นผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ

 

โดยล่าสุดธาคารได้ร่วมลงทุนกับบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD โดยธนาคารจะเข้าลงทุนในหุ้นสามัญ สัดส่วนไม่เกิน 49% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ในจำนวนเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ซึ่งการร่วมทุนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การปรับโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถให้ลดต่ำลงสู่ระดับ 18% เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยสูงสุดถึง 24% ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาสแรกของปี 2564

 

 

“การร่วมลงทุนในครั้งนี้ธนาคารได้มุ่งหวังในการลดดอกเบี้ยส่วนเกินในตลาด เพราะสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในตลาดยังมีดอกเบี้ยที่ยังสูงอยู่ที่ 24% และมีอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำอยู่ที่ประมาณ 2.6% ซึ่งเป็นข้อมูลจากเครดิตบูโร ทั้งนี้เราเชื่อว่ายังมีกำไรส่วนเกินอยู่พอสมควรซึ่งสามารถมาลดดอกเบี้ยบ้างส่วนเพื่อช่วยประชาชนได้ และน่าจะสามารถลดดอกเบี้ยให้ลงมาอยู่ที่ประมาณ 18% ได้”นายวิทัย กล่าว

 

ปัจจุบันภาพรวมตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ มีมูลค่าอยู่ประมาณ 110,000 ล้านบาท มีผู้ใช้บริการประมาณ 3-3.5 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ถ้าธนาคารได้มีการลดดอกเบี้ย และทำให้เกิดการลดดอกเบี้ยในตลาดตามไปด้วย โดยสัญญาสินเชื่อจำนำทะเบียนกำหนดซึ่งเป็นสัญญาระยะสั้นจะทำให้มีการปรับลดดอกเบี้ยลงมา เพราะฉะนั้นผู้ที่ใช้บริการจะได้รับประโยชน์ นอกจากนี้ยังมีประชาชนอีกจำนวนหนึ่งซึ่งจากข้อมูลของเครดิตบูโร มีคน 3.1 ล้านคนพยายามขอสินเชื่อสถาบันการเงินแต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ

 

จากการที่ทำให้แบงก์รัฐเป็นแหล่งเงินทุนและเข้าถึงสินเชื่อได้ โดยธนาคารได้ร่วมมมือเป็นพาร์ทเนอร์กับนอนแบงก์ได้ ก็เป็นการช่วยอำนวยความสะดวกด้านสินเชื่อให้กับประชาชนอีกกว่า 3 ล้านคนเข้าถึงแหล่งเงินได้จำนวนมากซึ่งเป็นไปตามของนโยบายภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือภาครัฐไม่ต้องไปพึ่งพาหนี้นอกระบบและสามารถช่วยลดภาระของคนในระบบให้อัตราดอกเบี้ยลดลงจาก 24% เหลือ 18% ซึ่งเป็นไปตามภาระกิจหลักของธนาคารเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน

 

ทั้งนี้ในช่วงปีแรกที่ได้เริ่มดำเนินการ คาดว่าจะช่วยประชาชนได้กว่า 1 ล้านคน และคาดว่าจะมียอดปล่อยสินเชื่อประมาณ 20,000 ล้านบาท ทั้งนี้ธนาคารมองว่าตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-30% ต่อปี ทั้งนี้ธนาคารได้ลงทุนซึ่งมองว่าจะไม่มีปัญหาในเรื่องควมเสี่ยงเนื่องจากที่ผ่านมาธนาคารได้มีการเข้าลงทุนในหลากหลายธุรกิจ และในแต่ละธุรกิจจะมีผู้เชี่ยวชาญในการบริหารจัดการความเสี่ยงต่างๆได้

 

 

นายวิทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความร่วมมือในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อภาพรวมการดำเนินงานของธนาคารและส่งผลดีต่อธุรกิจของศรีสวัสดิ์ในการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น และยังเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการเข้าถึงสินเชื่อ โดยในเบื้องต้นจะเน้นกลุ่มลูกค้ารายย่อย  เนื่องจากมองว่าเป็นกลุ่มที่มีความต้องการสินเชื่อสูงและมีจำนวนมาก โดยจะใช้สาขาของศรีสวัสดิ์ 5,000 สาขาทั่วประเทศ และสาขาของธนาคารออมสิน 1,060 สาขา เป็นช่องทางการให้บริการ

 

นายวิทัย กล่าวด้วยว่า การนำร่องลดอัตราดอกเบี้ยจำนำทะเบียนรถ ไม่ได้เป็นการทำให้ธุรกิจจำนำทะเบียนเดินต่อไปไม่ได้ ซึ่งธุรกิจยังคงมีกำไรอยู่ แต่ไม่ได้มากเหมือนเช่นที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบัน รายได้สุทธิจากส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ของธุรกิจจำนำทะเบียนอยู่ที่ 15-20% ซึ่งถือว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับสถาบันการเงินของรัฐที่เฉลี่ย 2% และธนาคารพาณิชย์ที่ 2.6% นอกจากนี้ ธนาคารออมสินคาดว่าจะนำบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายในเวลา 3 ปี