การเงิน หุ้น
KTIS ลงทุน 1,430 ล้านบาทผุด “นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์”
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
กลุ่ม KTIS ร่วมกับ GGC ลงทุน 1,430 ล้านบาท ผุด “นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์” เฟส 2 หลังบอร์ด NatureWorksLLC มีมติลงทุนโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพ
โครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC) โดยการร่วมทุนระหว่างบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTISผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร กับ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGCบริษัทแกนนำในธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมได้เดินหน้าสร้างนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ ระยะที่ 2 หลังจากที่บริษัทNatureWorks LLC (“NatureWorks”) ผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพรายใหญ่ของโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกาตัดสินใจลงทุนโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพชนิด Polylactic Acid (PLA)โดยโครงการฯในระยะที่ 2จะเป็นผู้ดำเนินการด้านสาธารณูปโภคเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพดังกล่าวคาดเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป

โครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ สอดรับกับนโยบายโครงการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) ของภาครัฐ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนำร่องตามนโยบายมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพของไทย ที่ภาครัฐได้กำหนดเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็น Bio Hub ของเอเซียภายในปี 2570 และเป็น BioHub แห่งแรกของประเทศ โดยดำเนินการภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่างGGC และกลุ่มKTIS ในสัดส่วน 50 ต่อ 50 ในนามบริษัท จีจีซี เคทิสไบโออินดัสเทรียล จำกัด หรือ GKBI บนเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ ในตำบลหนองโพ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โดยโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ระยะที่ 2 มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าทางการเกษตร ต่อยอดสู่อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง (High Value Added) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพ (Biochemicals) และผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ (Bioplastics)โดยใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบ และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นมิตรกับสังคมและสิ่งแวดล้อม
นายอภิชาต นุชประยูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจชีวภาพ กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTISกล่าวว่า โครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ระยะที่ 2 มีมูลค่าโครงการ 1,430 ล้านบาท ยังคงสัดส่วนร่วมลงทุน 50:50 ระหว่างกลุ่ม KTIS และ GGC โดย GKBIเป็นผู้ดำเนินการด้านสาธารณูปโภค อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลเพื่อป้อนไฟฟ้า รวมถึงระบบผลิตไอน้ำ ผลิตน้ำ บำบัดน้ำเสีย ให้กับโครงการของ NatureWorksโดยโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์นี้เป็นไบโอคอมเพล็กซ์แห่งแรกของประเทศไทยที่สอดรับกับแนวนโยบายของรัฐที่ส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy)อันเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ อีกทั้งช่วยให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่ความภาคภูมิใจของชาวนครสวรรค์แต่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ
โครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ เป็นโครงการที่ก่อประโยชน์ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยในส่วนของภาคเศรษฐกิจนั้นจะมีการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและแรงงานในพื้นที่ที่จะเข้ามาทำงานในโรงงาน ทำให้มีเงินหมุนเวียนในพื้นที่มากขึ้น ด้านสังคมทำให้แรงงานในชุมชนไม่ต้องย้ายถิ่นฐาน ครอบครัวจะเข้มแข็งขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างงานสร้างรายได้ในภาวะที่แรงงานจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และในด้านสิ่งแวดล้อมจะเห็นได้ชัดเจนมากตั้งแต่กระบวนการผลิตของโรงงานหีบอ้อยและโรงงานเอทานอลที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ทำให้ไม่เกิดของเสียออกสู่ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียหรือฝุ่นควันต่างๆ นอกจากนี้ ยังมี Carbon Credit และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่จะสร้างความมั่นใจในเรื่องของการลดมลพิษทั้งในไร่อ้อยและในโรงงานอีกด้วย
นายไพโรจน์ สมุทรธนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGCกล่าวว่า “GGC มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ คือการเป็น Leading Green Company และ Green Flagship ของ GC Groupการร่วมทุนดังกล่าวในโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับบริษัทฯ สำหรับธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพและเพิ่มโอกาสในการลงทุนต่อยอดธุรกิจเคมีชีวภาพ(Biochemicals) และพลาสติกชีวภาพ(Bioplastic) ในอนาคต ที่ก่อให้เกิดการสร้างประโยชน์ร่วมกัน ตลอดห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมชีวภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรของประเทศอย่างยั่งยืน
โครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ระยะที่ 2มีมูลค่าโครงการจำนวน 1,430 ล้านบาท โดยGKBIเป็นผู้ดำเนินการด้านสาธารณูปโภค อาทิ โครงการโรงไฟฟ้า Biomassเพื่อป้อนไฟฟ้า รวมถึงระบบผลิตไอน้ำ ผลิตน้ำ บำบัดน้ำเสีย ให้กับโครงการของNatureWorksซึ่งการเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานพลาสติกชีวภาพในครั้งนี้ จะทำให้เกิดโรงงานพลาสติกชีวภาพแบบครบวงจรแห่งใหม่ในประเทศไทย ตอบสนองความต้องการใช้วัสดุที่ยั่งยืนให้ตลาดโลก นับเป็นหนึ่งในโครงการที่สนับสนุนโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ BCG Economy Model (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และขับเคลื่อนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs) ตามเป้าหมายที่วางไว้นอกจากนี้การดำเนินโครงการดังกล่าวยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ต่อไปในอนาคต
โดย GGC เองก็มีโครงการลงทุนทางด้านเคมีชีวภาพอื่นๆที่จะลงทุนในโครงการไบโอคอมเพล็กซ์ตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯที่จะเติบโตในธุรกิจเคมีชีวภาพและพลาสติกชีวภาพ ซึ่งพื้นที่นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์เปิดรับการลงทุนจากนักลงทุนอื่นๆที่สนใจลงทุนในธุรกิจชีวภาพต่างๆด้วยเช่นกัน”
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่



