วันอาทิตย์ ที่ 06 สิงหาคม พ.ศ. 2566, 19.50 น.
ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดสัมมนา The 1st SET International Conference on Family Business: Family Business in the Changing World มุ่งเสริมศักยภาพธุรกิจครอบครัว
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับพันธมิตรจัดสัมมนา “The 1st SET International Conference on Family Business: Family Business in the Changing World” ส่งเสริมความรู้การบริหารจัดการธุรกิจครอบครัวเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและช่วยให้ธุรกิจไทยปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง สามารถส่งต่อกิจการรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยั่งยืน โดยมี ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันที่ปรึกษาชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ผู้บริหารระดับสูงและเจ้าของธุรกิจครอบครัวไทยร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ ระหว่างวันที่ 3-4 ส.ค. 2566 โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 250 ราย

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า ธุรกิจครอบครัว มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างมาก แต่การส่งผ่านธุรกิจครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นไม่ใช่เรื่องง่าย จากสถิติพบว่า 90% ของธุรกิจครอบครัว ไม่สามารถส่งผ่านไปได้เกินรุ่นที่ 3 นอกจากนี้ บริษัทธุรกิจครอบครัวจะต้องเผชิญความท้าทายจากปัจจัย ภายนอกทีมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจครอบครัวเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต ส่วนใหญ่จะมาจากปัจจัยภายใน และบริหารความมั่งคั่งของครอบครัว รวมถึงการให้ความสำคัญกับประเด็นในด้าน ESG เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ด้วย การจัดงาน “The 1st SET International Conference on Family Business” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ภายใต้แนวคิด “Family Business in the Changing World” เป็นการเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญธุรกิจครอบครัว ช่วยสนับสนุน สร้างกลไก รวมถึงสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้ธุรกิจครอบครัวไทย และภูมิภาค มีความเข้มแข็ง เติบโตเป็นกำลังหลักของเศรษฐกิจไทย
ด้านนายศรพล ตุลยเสถียร รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมธุรกิจครอบครัวให้เติบโตอย่างเป็นระบบ จึงร่วมกับพันธมิตรยกระดับการพัฒนาศักยภาพธุรกิจครอบครัว ทั้ง ecosystem ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนที่เป็นธุรกิจครอบครัว 451 บริษัท หรือคิดเป็น 57% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด และคิดเป็น 43% ของ Market Cap เมื่อดู IPO ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา พบว่า 70% เป็นธุรกิจครอบครัว มีการจ้างงานรวม 920,000 อัตรา และมี 86 ธุรกิจครอบครัวอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (THSI) คิดเป็น 50% ของจำนวนบริษัทใน THSI ทั้งหมด ทั้งนี้ สำหรับ 451 บริษัทจดทะเบียน โดยเฉลี่ยจะเป็นธุรกิจครอบครัวที่อยู่ในรุ่น 3 และรุ่นที่4 แตมีหลายบริษัทที่เป็นรุ่น 1 และรุ่น 2 สิ่งน่าสังเกตคือ เมื่อธุรกิจครอบครัวเข้าสู่บริษัทจดทะเบียน ก็จะมีผู้บริหารที่เป็นบุคคลภายนอกครอบครัวมากขึ้น ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจครอบครัวในตลาดทุน ส่วนใหญ่อยู่ในหมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, หมวดพาณิชย์, การแพทย์, ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยเฉพาะในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) จะมีสัดส่วนธุรกิจครอบครัวค่อนข้างมาก