วันอาทิตย์ ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2568 14:08 น.

การเงิน หุ้น

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.58 บาทต่อดอลลาร์ “ไม่เปลี่ยนแปลง”

วันอังคาร ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 09.29 น.

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.58 บาทต่อดอลลาร์ “ไม่เปลี่ยนแปลง”
 

        

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.58 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.60 บาทต่อดอลลาร์

        

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.56-32.65 บาทต่อดอลลาร์) ท่ามกลางปริมาณการทำธุรกรรมในตลาดการเงินที่เบาบาง เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุด Bank Holiday ของตลาดการเงินอังกฤษ และวันหยุด Memorial Day ของตลาดการเงินสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย เงินบาทเริ่มทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง หลังเงินดอลลาร์ยังคงเผชิญแรงขายต่อเนื่อง จากธีม Sell US Assets (ซึ่งอาจดำเนินต่อไปได้ จนกว่าตลาดจะคลายกังวลความเสี่ยงเสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ ความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และกลับมามั่นใจในแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากขึ้น) ขณะเดียวกัน ราคาทองคำ (XAUUSD) ก็ทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องสู่โซนแนวต้าน 3,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง หนุนให้เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นและมีโอกาสทดสอบโซนแนวรับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้ในวันนี้ แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดทำการเนื่องในวันหยุด Memorial Day ทว่า การชะลอปรับขึ้นภาษีนำเข้าในอัตรา 50% กับสินค้าจากยุโรป ก็มีส่วนหนุนให้บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ได้ สะท้อนจากสัญญาฟิวเจอร์สของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นราว +1.0%

        

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.99% หลังทางการสหรัฐฯ ได้ชะลอการปรับขึ้นภาษีนำเข้าในอัตรา 50% กับสินค้าจากยุโรป ทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดคลายกังวลต่อแนวโน้มนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ลงบ้าง ดังจะเห็นได้จากการรีบาวด์ขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มยานยนต์ และกลุ่มเทคฯ เป็นต้น

        

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์โดยรวมแกว่งตัว Sideways ทว่าความกังวลต่อแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ รวมถึงความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ยังคงหนุนธีม Sell US Assets กดดันให้เงินดอลลาร์ย่อตัวลง โดยเฉพาะในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 98.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.9-99.1 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. 2025) สามารถทยอยรีบาวด์สูงขึ้นเข้าใกล้โซนแนวต้านระยะสั้นอีกครั้ง หลังจากเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาบ้างในช่วงบ่ายของวันก่อนหน้า โดยราคาทองคำยังคงได้แรงหนุนจากธีม Sell US Assets ที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงเลือกถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย อย่าง ทองคำ (รวมถึงเงินเยนญี่ปุ่น) ทำให้โดยรวม ราคาทองคำยังสามารถทรงตัวเหนือโซน 3,370 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้

        

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ อาทิ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) ในเดือนเมษายน รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย Conference Board ในเดือนพฤษภาคม ที่อาจสะท้อนถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อาจปรับตัวดีขึ้น จากความหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า รวมถึง รายงานดัชนีภาคธุรกิจจากบรรดาเฟดสาขาต่างๆ อาทิ ดัชนีภาคการผลิตโดย Dallas Fed ในเดือนพฤษภาคม เช่นกัน พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด

        

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ผ่านรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในเดือนพฤษภาคม และนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะติดตาม สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมถึงการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า

        

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า การเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันก่อนหน้า ที่มีจังหวะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลุดโซนแนวรับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนที่จะพลิกกลับมาอ่อนค่าลงเหนือโซน 32.60 บาทต่อดอลลาร์ ได้ย้ำว่า ตลาดค่าเงินยังอยู่ในภาวะผันผวนสูง ทำให้เรายังคงแนะนำผู้เล่นในตลาดว่า ควรใช้กลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะกลยุทธ์ Options และการพิจารณาใช้ Local Currency เนื่องจากบางสกุลเงิน อย่าง CNYTHB ก็มีความผันผวนที่ต่ำกว่า USDTHB อย่างเห็นได้ชัด

        

ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย เงินดอลลาร์จะกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง พร้อมกับการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ทำให้เงินบาทเสี่ยงแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับสำคัญ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ และอาจแข็งค่าทะลุโซนดังกล่าวได้อีกครั้ง ทว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัด ท่ามกลางแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าที่ยังคงมีอยู่ อย่าง โฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ แรงซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายนเดือนจากฝั่งผู้เล่นในตลาด อย่าง ฝั่งผู้นำเข้า รวมถึงการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาด อย่าง การทยอยขายทำกำไรสถานะ Short USDTHB (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น) ทำให้โซนแนวรับของเงินบาท หากทะลุโซน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้จริง ก็อาจอยู่แถว 32.30-32.40 บาทต่อดอลลาร์ เหมือนในวันก่อนหน้า ขณะที่โซนแนวต้านของเงินบาทนั้น อาจอยู่แถว 32.75-32.85 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งเรามองว่า อาจจะเป็นช่วงสัปดาห์หน้า ที่ตลาดการเงินจะรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ จนทำให้การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ในตลาดการเงินมีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น

        

เรายังคงมุมมองเดิมว่า ราคาทองคำยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง Two-Way risk ที่อาจทำให้เงินบาทสามารถเคลื่อนไหวแข็งค่า หรือ อ่อนค่าลงได้ ตามทิศทางราคาทองคำ เนื่องจากราคาทองคำ ก็ยังมีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways เช่นกัน จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเราจะมั่นใจมากขึ้นว่า เงินบาทจะสามารถทยอยกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 33.20 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง ตามการประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend Following ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น (บางสกุลเงินอาจมีความผันผวนต่ำกว่า USDTHB ชัดเจน เช่น CNYTHB) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

        

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.35-32.65 บาท/ดอลลาร์