วันเสาร์ ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 06:39 น.

การเงิน หุ้น

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.81 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”

วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 09.11 น.

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.81 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”

 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.81 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์

 

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 32.60-32.85 บาทต่อดอลลาร์) ท่ามกลางแรงกดดันจากการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ซึ่งได้แรงหนุนบ้างจากแนวโน้มเฟดไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย ที่สะท้อนผ่านรายงานผลการประชุม FOMC ล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) รวมถึง ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดมีโอกาสราว 74% ที่จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปีนี้ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการปรับลดสถานะ Short USD ของผู้เล่นในตลาดลงบ้าง หลังเงินดอลลาร์เริ่มทยอยรีบาวด์สูงขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่ล่าสุด อ่อนค่าเข้าใกล้โซน 146 เยนต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ การทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ยิ่งกดดันให้ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวลดลงสู่โซนแนวรับแถว 3,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการปรับตัวลดลงของราคาทองคำดังกล่าวก็ยิ่งกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.85 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้านี้

 

บรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวมากขึ้น เพื่อรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทเทคฯ ใหญ่ โดยเฉพาะ Nvidia ในช่วง After Close ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ และหุ้นสไตล์ Growth ย่อตัวลงบ้าง หลังปรับตัวขึ้นแรงในวันก่อน ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.56%

 

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาย่อตัวลงบ้าง -0.61% โดยผู้เล่นในตลาดต่างทยอยขายทำกำไรหุ้นยุโรปออกมาบ้าง เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทว่า ตลาดหุ้นยุโรป ยังคงได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมทหาร อาทิ Thales +2.1%, BAE System +0.6% ท่ามกลางสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงร้อนแรงอยู่

 

ในส่วนตลาดบอนด์ แนวโน้มเฟดไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย จากถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดและรายงานการประชุม FOMC ล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) ยังคงทำให้ ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดอาจมีโอกาสราว 74% ที่จะลดดอกเบี้ยในปีนี้ และเฟดอาจเลื่อนไปลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2026 โดยภาพดังกล่าว กอปรกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงนี้ที่ส่วนใหญ่ออกมาสดใส ก็หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวสูงขึ้นบ้าง สู่ระดับ 4.50% ทั้งนี้ เราคงย้ำมุมมองเดิมว่า หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ก็จะเปิดโอกาสในการทยอยเข้าซื้อสะสม (Buy on Dip) ได้ โดยเฉพาะโซนสูงกว่าระดับ 4.50%

 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น หนุนโดยท่าทีไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ ในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่เข้าใกล้โซน 146 เยนต่อดอลลาร์ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 100.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 99.4-100.4 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินจะอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว ทว่า การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. 2025) ทยอยปรับตัวลดลงสู่โซนแนวรับแถว 3,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งช่วยชะลอการปรับตัวลงของราคาทองคำ  

 

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้ รวมถึงรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และข้อมูลตลาดบ้าน พร้อมทั้งรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด

 

ส่วนในฝั่งเอเชีย ในช่วงราว 6.30 น. ของเช้าวันศุกร์นี้ ตามเวลาประเทศไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของญี่ปุ่น ที่อาจสะท้อนถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ อาทิ อัตราเงินเฟ้อ CPI ของกรุงโตเกียว ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Productions) และยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนพฤษภาคม โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า BOJ มีโอกาสราว 80% ที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ในปีนี้  

 

และนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดสต็อกน้ำมันคงคลังของสหรัฐฯ โดย EIA ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นได้ พร้อมทั้งรอติดตาม สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมถึงการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า

 

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทเริ่มมีโอกาสทยอยอ่อนค่าลงได้บ้าง ในลักษณะ Sideways Up หลังเงินดอลลาร์เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น ทว่า เงินดอลลาร์จะสามารถคงโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ได้หรือไม่นั้น จำเป็นจะต้องเห็นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาสดใสและโดดเด่นกว่าบรรดาประเทศอื่นๆ ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 ก็ควรทยอยลดลง เพื่อทำให้ธีม Sell US Assets ค่อยๆ ลดลงไปในช่วงนี้ อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัดได้ เนื่องจากฤดูกาลจ่ายเงินปันผลให้กับบรรดานักลงทุนต่างชาติใกล้จบแล้ว นอกจากนี้  เราคงมุมมองเดิมว่า ราคาทองคำยังถือเป็นปัจจัยเสี่ยง Two-Way risk ที่อาจทำให้เงินบาทสามารถเคลื่อนไหวแข็งค่า หรือ อ่อนค่าลงได้ ตามทิศทางราคาทองคำ แม้ว่าการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ (XAUUSD) ยังมีอีกบ้าง จนกว่าจะถึงโซนแนวรับสำคัญแถว 3,225-3,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งอาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงเพิ่มเติม ทดสอบโซนแนวต้านถัดไป 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก แต่ทว่า หากราคาทองคำรีบาวด์สูงขึ้น เช่นในช่วงก่อนหน้า ก็อาจชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท หรือ ช่วยหนุนให้เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้

 

อนึ่ง เราจะมั่นใจมากขึ้นว่า เงินบาทจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าลงทะลุโซนแนวต้าน 33.00-33.10 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน เมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following พร้อมกันนี้ เราขอเน้นย้ำว่า พฤติกรรมการเคลื่อนไหวของเงินบาทในช่วงนี้ ได้สะท้อนว่า ตลาดค่าเงินยังอยู่ในภาวะผันผวนสูง ทำให้เรายังคงแนะนำผู้เล่นในตลาดว่า ควรใช้กลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะกลยุทธ์ Options และการพิจารณาใช้ Local Currency เนื่องจากบางสกุลเงิน อย่าง CNYTHB ก็มีความผันผวนที่ต่ำกว่า USDTHB อย่างเห็นได้ชัด

 

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.65-32.95 บาท/ดอลลาร์