วันเสาร์ ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2568 02:34 น.

การเงิน หุ้น

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”

วันพุธ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 09.46 น.

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”

 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.65 บาทต่อดอลลาร์

 

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทาง ในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.57-32.69 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าเงินบาทจะมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ตามการรีบาวด์ขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากความหวังว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน จะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น หลังทั้งสองฝ่ายต่างเห็นชอบในกรอบการเจรจา (Framework) ที่จะลดความตึงเครียดทางการค้าลง ซึ่งภาพดังกล่าวได้หนุนให้บรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง กดดันให้ราคาทองคำ (XAUUSD) ย่อตัวลงสู่โซนแนวรับระยะสั้นด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ในช่วงเช้าวันนี้ของตลาดการเงินฝั่งเอเชีย เงินบาทได้พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชีย ตอบรับความหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ จีน อีกทั้ง ราคาทองคำก็รีบาวด์สูงขึ้น

 

ความหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ได้ช่วยหนุนให้บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง แม้ว่าผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบเพิ่มการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงมากนัก เพื่อรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ทว่าโดยรวม ดัชนี S&P500 ก็ทยอยปรับตัวขึ้น ปิดตลาด +0.55%

 

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อตัวลงเล็กน้อย -0.02% แม้ตลาดหุ้นยุโรปจะเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของบรรดาหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะ UBS -4.8% จากความกังวลว่า ทางธนาคารอาจจำเป็นต้องเพิ่มทุนสำรอง ตามข้อเสนอของรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ ทว่า ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนบ้าง จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ Shell +3.1% ตามการทยอยปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบในช่วงนี้  และการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่ม Healthcare นำโดย Novo Nordisk +6.0%

 

ในส่วนตลาดบอนด์ ความหวังต่อการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเข้าใกล้ระดับ 4.50% อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็เป็นไปอย่างจำกัด หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ แม้ว่า ในช่วงนี้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะเคลื่อนไหวไร้ทิศทาง ในลักษณะ Sideways แต่เรายังคงมองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจมีความเสี่ยงผันผวนสูงขึ้นบ้าง โดยเฉพาะในจังหวะที่ตลาดกลับมากังวลแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ อีกครั้ง หรือในจังหวะที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มออกมาสดใส ทำให้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะเข้าซื้อ หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะโซนแถวระดับ 4.50% หรือสูงกว่า

 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แม้จะได้รับแรงหนุนบ้างจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ แต่การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ก็เป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ และความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวระดับ 99.0 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.8-99.1 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ ความหวังต่อแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. 2025) ย่อตัวลงทดสอบโซนแนวรับระยะสั้น ทว่า ราคาทองคำยังคงได้แรงหนุนจากการเข้าซื้อ Buy on Dip ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน หนุนให้ ราคาทองคำ ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 3,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ได้สำเร็จ

 

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะใช้ประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา โดยบรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างมองว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ อาจสูงขึ้น สู่ระดับ 2.5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมผลของราคาอาหารและพลังงานอาจสูงขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ 2.9% ซึ่งอาจชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้น จากผลกระทบของนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา

 

และนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเฉพาะประธาน ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของ ECB โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยอีกราว 1 ครั้ง 25bps ในปีนี้ พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม แนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า อย่าง จีน และรอลุ้น รายงานยอดสต็อกน้ำมันคงคลังของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในระยะสั้

 

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า ในช่วงระหว่างวัน เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ไปก่อน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยเรามองว่า หากอ้างอิงจากสถิติย้อนหลัง 1 ปี ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) อาจเคลื่อนไหวในระดับ +/-1 SD ราว +0.2%/-0.4% ชี้ว่า เงินบาทเสี่ยงแข็งค่าขึ้นได้พอสมควร หากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งภาพดังกล่าวก็อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเพิ่มโอกาสที่เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้ง ในปีนี้ ได้ (ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสราว 74% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ในปีนี้) ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อ CPI เพิ่มสูงขึ้น และออกมาสูงกว่าคาดชัดเจน ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลว่า เฟดจะยิ่งไม่รีบลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดโอกาสการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ของเฟดในปีนี้ ลง โดยภาพดังกล่าวอาจช่วยหนุนการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้

 

นอกจากนี้ ความหวังต่อแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อาจช่วยหนุนบรรยากาศในฝั่งตลาดการเงินเอเชีย ซึ่งอาจช่วยให้บรรดาสกุลเงินเอเชียทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ทว่า ความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าดังกล่าวก็ยังคงมีอยู่ ทำให้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรเตรียมรับมือกับความผันผวนของบรรดาสกุลเงินเอเชีย หากผลการเจรจาการค้าไม่ได้เป็นไปตามที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่ และแม้ว่า บรรดาสกุลเงินเอเชีย อาจได้แรงหนุนจากความหวังการเจรจาการค้าดังกล่าว แต่หากราคาทองคำปรับตัวลดลง หลุดโซนแนวรับระยะสั้น จากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ก็อาจเป็นปัจจัยที่กดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าได้

 

การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ อย่าง เงินบาทในช่วงระยะสั้นนี้ ยังคงสะท้อนถึงภาวะความผันผวนสูงเกินปกติของตลาดการเงิน ทำให้ เราคงเน้นย้ำความสำคัญของการใช้กลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะกลยุทธ์ Options และการพิจารณาใช้ Local Currency เนื่องจากบางสกุลเงิน อย่าง CNYTHB ก็มีความผันผวนที่ต่ำกว่า USDTHB อย่างเห็นได้ชัด

 

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.45-32.75 บาท/ดอลลาร์