วันพฤหัสบดี ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 04:56 น.

การเงิน หุ้น

EXIM BANK ผนึกกำลังภาครัฐ ช่วยลูกหนี้กลุ่มเปราะบางฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย เฟส 2”

วันศุกร์ ที่ 04 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 19.55 น.

EXIM BANK ผนึกกำลังภาครัฐ ช่วยลูกหนี้กลุ่มเปราะบางฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย เฟส 2”

 

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ร่วมมือกับภาครัฐ เดินหน้าโครงการ “คุณสู้ เราช่วย เฟส 2” ช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาในการชำระหนี้ โดยเฉพาะลูกหนี้กลุ่มเปราะบางที่มีวงเงินสินเชื่อไม่สูงนัก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินประเภทที่อยู่อาศัยและยานพาหนะ รวมถึงกิจการ SMEs รายย่อย มีโอกาสกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ และปิดจบหนี้ได้เร็ว โดยสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูงและยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่เผชิญกับปัญหาในการชำระหนี้ ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้พิจารณาขยายขอบเขตและเพิ่มเติมมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและลูกหนี้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในโครงการ “คุณสู้ เราช่วย เฟส 2” เพื่อให้มาตรการให้ความช่วยเหลือครอบคลุมลูกหนี้ได้มากขึ้น โดยยังคงวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือให้ลูกหนี้มีโอกาสกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติในระยะข้างหน้าเมื่อรายได้ฟื้นตัว หรือสามารถปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งแนวทางป้องกันมิให้ลูกหนี้เสียวินัยในการชำระหนี้ (Moral Hazard) และส่งเสริมวินัยทางการเงินควบคู่ไปด้วย อันจะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน

 

สำหรับโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” มาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” เฟส 2 ช่วยเหลือลูกหนี้ SME ที่มีวงเงินไม่สูง ปรับโครงสร้างหนี้แบบ “ลดค่างวด” และ “พักภาระดอกเบี้ย” เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยค่างวดที่จ่ายนำไปตัดชำระเงินต้นทั้งหมด ขณะที่ดอกเบี้ยที่พักไว้ตลอดระยะเวลา 3 ปี จะได้รับการยกเว้น หากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ตลอดระยะเวลาของมาตรการ (ชำระเงินตรงเวลาและไม่กู้เพิ่มในช่วง 12 เดือนแรกของการเข้าโครงการ) โดยขยายคุณสมบัติลูกหนี้ที่เข้ามาตรการให้ครอบคลุมถึง 1) ลูกหนี้ที่มีวันค้างชำระเกิน 365 วัน และ 2) ลูกหนี้ที่เคยมีประวัติค้างชำระน้อยกว่าที่กำหนดในระยะที่1 คือ เคยค้างชำระ 1-30 วัน และเคยปรับโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่วงเงินไม่สูงมาก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทั้งบ้าน และสถานประกอบการไว้ได้