วันอาทิตย์ ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2568 02:07 น.

การเงิน หุ้น

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.57 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”

วันพฤหัสบดี ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 09.13 น.

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.57 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”

 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.57 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.54 บาทต่อดอลลาร์

 

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน ในกรอบแคบ (แกว่งตัวในกรอบ 32.48-32.58 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ของเงินดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทั้งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญฝั่งสหรัฐฯ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึง ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ทั้งนี้ เงินดอลลาร์เผชิญแรงกดดันบ้าง เช่นเดียวกับบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หนุนให้ราคาทองคำสามารถทยอยรีบาวด์สูงขึ้นบ้าง ตามความกังวลของผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่อการเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟดโดยฝั่งการเมืองสหรัฐฯ หลังล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเรียกร้องให้ Lisa Cook (หนึ่งใน Board of Governor ของเฟด และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ FOMC ของเฟด) ลาออกจากตำแหน่ง จากประเด็นให้ข้อมูลเท็จเพื่อแสวงหาประโยชน์จากสิทธิพิเศษของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยโดยสำนักงานการเงินเพื่อการเคหะของรัฐบาลสหรัฐฯ (FHFA) ทั้งนี้ ทาง Lisa Cook ได้ออกมาปฏิเสธประเด็นดังกล่าวและพร้อมให้ความร่วมมือกับทางการในการตรวจสอบ อีกทั้งย้ำจุดยืนที่จะดำรงตำแหน่ง Board of Governor ของเฟดต่อไป

 

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว หลังผู้เล่นในตลาดยังคงเดินหน้าทยอยขายทำกำไรบรรดาหุ้นเทคฯ โดยเฉพาะหุ้นธีม AI หลังหุ้นกลุ่มดังกล่าวได้ปรับตัวขึ้นร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างยังคงรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell และรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ อาทิ Walmart ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองหุ้นสหรัฐฯ อย่างชัดเจน ส่งผลให้ S&P500 ปิดตลาด -0.24%

 

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.23% โดยบรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากความหวังต่อแนวโน้มการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทว่าประเด็นดังกล่าวยังคงกดดัน บรรดาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมทหาร-การบิน ซึ่งปรับตัวขึ้นร้อนแรงในปีนี้ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ Nestle +3.6% และ Unilever +3.3%

 

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ แม้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะเผชิญแรงกดดันบ้าง จากความกังวลการเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟด โดยฝั่งการเมืองสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเรียกร้องให้ Lisa Cook หนึ่งใน Board of Governor ของเฟด (และคณะกรรมการ FOMC) ลาออกจากประเด็นให้ข้อมูลเท็จเพื่อแสวงหาประโยชน์จากสิทธิพิเศษของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย ทว่า ประเด็นดังกล่าวยังไม่ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้โดยรวม บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวใกล้โซน 4.30% โดยเราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ในระยะสั้น โดย เราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้ เนื่องจากเราคงคาดการณ์ว่า บอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มทยอยปรับตัวลดลง ตามการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด (คาดว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยจนถึงระดับ 3.00-3.25%)

 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน แม้จะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง ตามจังหวะการย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มการเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟดจากฝั่งการเมืองสหรัฐฯ ทว่าเงินดอลลาร์ยังพอรีบาวด์สูงขึ้นได้บ้าง หลังบรรยากาศในฝั่งตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด ก่อนที่จะปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอย่างมีนัยสำคัญต่อไป ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงเคลื่อนไหวแถวระดับ 98.2 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.0-98.3 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ ความกังวลต่อแนวโน้มการเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟดจากฝั่งการเมืองสหรัฐฯ รวมถึงแรงซื้อ Buy on Dip ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) ทยอยรีบาวด์สูงขึ้นบ้าง ทว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำก็เป็นไปอย่างจำกัด กดดันโดยจังหวะการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทำให้โดยรวมราคาทองคำยังคงแกว่งตัวแถว 3,380-3,390 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (S&P Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนสิงหาคม ของสหรัฐฯ ยูโรโซน และอังกฤษ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจช่วยสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจและส่งผลกระทบต่อมุมมองของบรรดาผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ได้ ก่อนที่ผู้เล่นในตลาดจะทยอยรับรู้ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลักดังกล่าว ในงานสัมนาวิชาการประจำปีของเฟด Jackson Hole Symposium

 

นอกจากนี้ ในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ อาทิ ดัชนีภาวะธุรกิจโดยเฟดสาขา Philadelphia และข้อมูลตลาดบ้านสหรัฐฯ (Existing Home Sales) เพื่อประกอบการประเมินภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ และแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด

 

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกของสหรัฐฯ

 

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทยังพอมีโอกาสอ่อนค่าลงได้บ้าง ในช่วงก่อนรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในงานสัมนา Jackson Hole Symposium (จะทยอยรับรู้ในช่วงราว 21.00 น. ของคืนวันศุกร์นี้ ตามเวลาประเทศไทย) หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึงข้อมูลยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ออกมาสดใส ทำให้ผู้เล่นในตลาดคลายความกังวลต่อแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ บ้าง ซึ่งภาพดังกล่าวอาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดเพิ่มเติมได้ ทว่าข้อมูลดังกล่าวอาจยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ผู้เล่นในตลาดปักใจเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่า 2 ครั้ง ในปีนี้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด รวมถึง รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม ถึงจะปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ได้อย่างมีนัยสำคัญขนาดนั้น

 

โดยจากการประเมินสถิติการเคลื่อนไหวของเงินบาท (USDTHB) ในช่วงหลังรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในช่วง 24 ชั่วโมง ข้างหน้านั้น เรามองว่า หากผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง เงินบาทก็อาจอ่อนค่าลงเล็กน้อย ทดสอบโซนแนวต้าน 32.65 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก แต่สุดท้ายก็อาจยังติดโซนแนวต้าน 32.70-32.80 บาทต่อดอลลาร์ ในขณะที่ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งมั่นใจต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย 2-3 ครั้ง ของเฟดในปีนี้ ก็อาจหนุนให้เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นหลุดโซนแนวรับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ และมีโอกาสเข้าใกล้โซนแนวรับถัดไป 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกรณีที่ ราคาทองคำสามารถรีบาวด์สูงขึ้นต่อเนื่องได้

 

เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

 

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.45-32.75 บาท/ดอลลาร์