ถวายของอะไรกับพระสงฆ์ในยุคโควิดดี

โดย...เมธ วรมัน

ฤทธิ์จากโรคโควิด-19 ทำให้เดือดร้อนไปทุกประเทศ ทุกสถานที่ และทุกวงการ บางคนถึงกับออกปากว่า “ฤทธิ์มันแรงจริงๆ สามารถทำให้เดือนร้อนไปทุกหย่อมหญ้า มันลุยทุกวงการ ขอให้มีช่องทางเถอะ เสร็จมัน” ขนาดยาที่ว่าแน่ๆ ต้องหลบทางไปเป็นแถว ล่าสุดคือวัคซีนต้านโควิดมีฤทธิ์เหลือล้น เอาไปเอามา วงการแพทย์เริ่มไม่แน่ใจว่าจะต้านได้จริงไหม เพราะโควิดเริ่มแตกหลายสายพันธุ์ มีข่าวอีกว่า มีสายพันธุ์ไทยด้วย คิดในใจ เอาเข้าไป แค่ 4 สายพันธุ์ยังไม่พอ นี่จะล่อสายพันธุ์ไทยอีก ฟังแล้วก็ปวดหัว

วันก่อนได้สนทนากับพระสงฆ์ในประเด็นว่า โควิดแพร่ระบาดเข้ามาในเมืองไทย พระสงฆ์ได้ผลกระทบบ้างไหม ท่านบอกเพียงคำสั้นๆ ว่า “เต็มๆ เลยโยม” นอกจากนั้นทุกอย่างก็พรั่งพรูออกมาเป็นคำพูด สรุปความได้ว่า “เรื่องการขบฉัน เครื่องใช้สอยต่างๆ และการอยู่ร่วมกันค่อยข้างระมัดระวัง ญาติโยมเดือนร้อนอย่างไร พระสงฆ์ก็เดือดร้อนอย่างนั้น” เพียงแต่ว่า ความเดือดร้อนในวงการสงฆ์ไม่มีคนหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นให้เป็นที่แพร่หลายเท่านั้น เพราะยังมีเรื่องอื่นๆในสังคมที่สำคัญกว่านี้ แต่ก็เชื่อว่า พระสงฆ์ผู้ฝึกมาดี ย่อมรักษาตนให้พ้นภัย

ด้วยสถานการณ์อย่างนี้ ชาวพุทธก็อดที่จะเป็นห่วงพระสงฆ์ไม่ได้ อยากทำบุญกับพระสงฆ์ตามความเชื่อของตน เช่น การตักบาตร ถวายสังฆทาน และถวายของเครื่องใช้ต่างๆ แต่สถานการณ์แบบนี้จะไปทำบุญที่วัดก็เห็นจะไม่เหมาะ จำเป็นจะต้องรักษาระยะห่างทางสังคม ในใจก็อยากไปทำบุญ ถามว่าจะไปทำบุญที่วัดได้ไหม พระสงฆ์ท่านแนะนำว่า “ทำได้ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ควรรักษาระเบียบทางสังคม เว้นระยะห่างตามมาตรการของรัฐแต่บางวัดอาจปิดเนื่องจากมีคนติดโควิดเข้าไปบริเวณวัด จำเป็นต้องปิดเพื่อความปลอดภัยของทุกคน” และคำถามที่ตามมาคือ ในสถานการณ์อย่างนี้เราควรจะทำบุญด้วยสิ่งของอะไร เพื่อให้ได้บุญตามหลักพระพุทธศาสนา ดังคำที่สอนว่า ถ้าผู้ให้กับผู้รับมีวัตถุประสงค์ที่ตรงกัน ทานนั้นย่อมมีคุณค่าสูงสุดย่อมเกิดบุญ

ประเด็นที่สำคัญคือ สิ่งของอะไรที่พระสงฆ์มีความต้องการสูงสุดกับสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ถ้าไม่แนะนำ ญาติโยมคงไม่ทราบ คำแนะนำคือ หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เพราะของเครื่องใช้เหล่านี้มีจำเป็นมากกับสถานการณ์ปัจจุบันนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถป้องเชื้อโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี และสามารถเข้าไปสู่สังคมต่างๆ ได้ หากไม่มีเครื่องใช้สอยเหล่านี้ ท่านอาจจะเป็นคนแปลกในสังคมก็ได้ เรื่องนี้เป็นข้อแนะนำสำหรับชาวพุทธที่มีความตั้งใจจะทำบุญกับพระสงฆ์เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ความจริงเราจะทำบุญนอกเหนือจากนี้ก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดแต่อย่างใด เพียงแต่นำเอาความต้องการของพระสงฆ์มาเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นแนวทางในการทำบุญให้ถูกต้องเท่านั้น

สรุปว่า การทำบุญไม่ใช่สิ่งต้องห้ามกับสถานการณ์อย่างนี้ แต่การที่จะทำบุญให้มีคุณค่าและมีประโยชน์สูงสุด ให้นึกถึงวัตถุประสงค์ของผู้ให้และผู้รับเป็นสำคัญ หากความต้องการไม่ตรงกัน ผลที่ได้กลับมาอาจมีความไม่สมบูรณ์ ดังเช่น คนไข้มีอาการปวดท้อง แต่หมอกลับไปให้ยาแก้ปวดฟันหากรักษากันแบบนี้ คนไข้ก็คงไม่หายสักที หรือถ้าประชาชนต้องการความช่วยเหลือแบบนี้ แต่รัฐบาลกลับไปให้ความช่วยเหลือแบบนั้น แบบนี้เขาเรียกว่า ประชาชนจะงงนะ...ตู่