วันจันทร์ ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2567 14:59 น.

ข่าวสังคม

ส.ส.ให้กำลังใจไทยพีบีเอสทำหน้าที่สื่อสาธารณะยึดโยงประโยชน์ประชาชน

วันเสาร์ ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2567, 13.04 น.

ที่ประชุม สส.ชื่นชมผลการปฏิบัติงานประจำปี 2566 ไทยพีบีเอส เล่มรายงานฯกะทัดรัด อ่านง่าย สาระครบถ้วน ช่วยลดโลกร้อน พร้อมให้กำลังใจไทยพีบีเอส ทำหน้าที่สื่อสาธารณะยึดโยงประชาชน เป็นกลาง เป็นที่พึ่ง หนุนช่วยชาติขับเคลื่อน Soft Power     

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 ปีที่ 2 ครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1) วันที่ 26 ก.ย. มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร์ คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุมฯ วาระรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2566 ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือ ไทยพีบีเอส โดยมีผู้เข้าร่วมรายงาน 5 ท่าน ได้แก่ รศ. ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการนโยบาย ส.ส.ท., รศ. ดร. วิลาสินี พิพิธกุล ผู้อำนวยการ ส.ส.ท., นายอนุพงษ์ ไชยฤทธิ์ รองผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ด้านปฏิบัติการและเทคโนโลยี, นางสาวสุวรรณา สมบัติรักษาสุข กรรมการบริหาร และรองผู้อำนวยการส.ส.ท. และนางสาวกนกพร ประสิทธิ์ผล กรรมการบริหารและผู้อำนวยการสำนักสื่อดิจิทัล

รศ. ดร.วิลาสินี พิพิธกุล ผู้อำนวยการ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) กล่าวนำเสนอผลการปฏิบัติงานประจำปี 2566 ว่า ไทยพีบีเอส ยังคงย้ำจุดยืนการเป็นสื่อสาธารณะที่ยึดโยงกับประชาชน และส่งมอบคุณค่าสาธารณะ 5 ด้าน ได้แก่ 1. คุณค่าของการนำเสนอข่าวสารที่ประชาชนสามารถวางใจและพึ่งพิงได้ โดยเฉพาะเมื่อประเทศเผชิญวิกฤตต่าง ๆ อย่างวิกฤตน้ำท่วม 2. คุณค่าต่อสาธารณะ ด้านการสืบสานถักทอและหยั่งรากทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย 3. คุณค่าด้านการให้สารประโยชน์และความบันเทิงที่คุ้มค่า 4. คุณค่าด้านการส่งเสริมการเรียนรู้ เป็นโรงเรียนของสังคม 5. คุณค่าด้านการส่งเสริมสังคมประชาธิปไตย และการมีส่วนร่วม ไทยพีบีเอส

โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ลงชื่ออภิปรายรวม 14 ท่าน อย่างนายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไทยพีบีเอสเป็นสื่อที่ทำงานตรงไปตรงมา ซื่อตรง นำเสนอข้อมูลทั่วถึงครอบคลุม และมีส่วนร่วมช่วยขับเคลื่อนประเด็นต่าง ๆ เศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม  เช่น การจักสานเตยป่า ที่พัทลุง การทำบุญสองศาสนา ทะเลสาบสงขลา สัตว์ป่าหายาก ซึ่งเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจพัทลุงอย่างมาก  และอยากให้ไทยพีบีเอสให้ความสำคัญประเด็นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ภัยพิบัติ การเมือง เนื้อหาที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของท้องถิ่นต่อไป  

นายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน กล่าวว่า ทีมข่าว The Active ของไทยพีบีเอส เป็นคนทำข่าวรุ่นใหม่ สามารถสะท้อนและนำเสนอถึงประเด็นสำคัญทางสังคมได้เป็นอย่างดี  ส่วนแพลตฟอร์ม VIPA ว่าเป็นแพลตฟอร์ม OTT (over-the-top) สามารถแข่งขันกับแพลตฟอร์ม ๆ ของต่างประเทศได้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี มีวิสัยทัศน์ ในการเป็นช่องทางผลักดัน Soft Power ของไทยได้ รวมถึงเนื้อหาที่เป็นประโยชน์อีกหลายรายการใน Podcast ของไทยพีบีเอส

ด้านนายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าว เล่มรายงานประจำปีมีขนาดกะทัดรัด เป็นแบบอย่างที่ดีในการช่วยลดโลกร้อน และชื่นชมถึงผลการดำเนินงานของไทยพีบีเอส ที่มีการบริหารข้อมูลข่าวสารแบบเรียลไทม์ในช่วงการเลือกตั้งปี 2566  การวิเคราะห์สูตรจับขั้วรัฐบาล ทำให้คนสนใจการเมืองมากขึ้น เป็นผลดีต่อการพัฒนาการเมือง และเสนอให้มีการสนับสนุนนักข่าวพลเมือง นักข่าวอิสระ มากขึ้น ขอให้ไทยพีบีเอสมุ่งมั่นเพื่อประโยชน์สาธารณะยึดโยงกับประชาชน

นายเกียรติคุณ ต้นยาง สส.นนทบุรี พรรคประชาชน  กล่าวชื่นชมถึงรายการสถานีประชาชน และการลงพื้นที่ของสถานีประชาชนสัญจร ที่ช่วยสร้างการตระหนักรู้ถึงภัยในด้านต่าง ๆ ให้แก่ชุมชนได้เป็นอย่างดี และอยากให้มีการทำงานในส่วนนี้เพิ่มมากขึ้น

ด้าน สิริลภัส กองตระการ สส.กทม. พรรคประชาชน กล่าวว่า ไทยพีบีเอสให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพจิต โดยสอดแทรกในเนื้อหารายการต่าง ๆ มากขึ้น  การต่อยอดผลงานจากงาน  Hack Thailand 2575 สู่แพลตฟอร์ม Policy Watch ที่ให้ประชาชนร่วมติดตามการทำงานของรัฐบาลได้ และการเปิดพื้นที่ให้แก่ผู้ผลิตรายการ และสารคดีทั้งรายใหญ่และรายย่อยอย่างเท่าเทียม โดยเสนอให้ไทยพีบีเอสผลิตเนื้อหาที่สะท้อน ความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุพื้นฐานของอาชญากรรมในหลายคดี และความรุนแรงที่เกินขึ้นในสังคม

นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคประชาชน กล่าวว่า ชื่นชมและเป็นแฟนรายการของไทยพีบีเอส โดยเฉพาะ Podcast Thai PBS และรายการจากรากสู่เรา อยากฝากไปถึงรัฐบาลซึ่งขับเคลื่อน Soft Power มีความสอดคล้องกับคอนเทนต์ที่ไทยพีบีเอสทำอยู่ เสนอว่าไม่ควรเปิดแพลตฟอร์มใหม่ที่ไม่จำเป็น เสนอให้ยกระดับ Thai PBS World โดยรัฐบาลร่วมมือกับไทยพีบีเอส ยกระดับคุณค่าการท่องเที่ยว สังคม วัฒนธรรม จะช่วยให้เกิดการส่งเสริมความเข้าใจคนในสังคม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ลดช่องว่างไม่ให้เกิดการทุจริตในอนาคต และอยากให้ไทยพีบีเอส ผลิตรายการเกี่ยวกับสุราชุมชน เพื่อไม่ให้สุราไทยสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย               

จากนั้น รศ. ดร.วิลาสินี พิพิธกุล ได้ชี้แจงการอภิปราย ในประเด็นต่าง ๆ ว่า ไทยพีบีเอสให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมคนไทยอย่างในสถานการณ์ภัยพิบัติ มีพื้นที่ในการสนับสนุนเตรียมคนในสังคมให้พร้อมกับรับมือในสถานการณ์ต่าง ๆ รับมือความเสี่ยงได้ด้วยตัวเอง องค์กรท้องถิ่นสามารถจัดบริหารจัดการเองได้  หรืออย่างการติดตามปัญหาไทยพีบีเอสจะไม่หยุดแค่การรายงาน แต่ชวนทุกฝ่ายหาทางออก ในส่วนของการผลักดัน Soft Power นั้น ถือเป็นวาระหลักขององค์กร ทำหน้าที่  “สะพานเชื่อมทุนทางวัฒนธรรม”  เช่นเดียวกับเรื่องสุขภาพจิต ที่จัดกิจกรรมต่อเนื่อง เช่น กิจกรรม Hack ใจ โครงการ Happy Land แดน (เคย) สุขใจ  และจะยังคงดำเนินการต่อเนื่องในปีหน้าด้วย เนื้อหาอื่น ๆ เช่น ประวัติศาสตร์ ท้องถิ่น เกษตร หรือการยกระดับ Thai PBS World ขอน้อมรับข้อเสนอแนะเพื่อดำเนินการต่อไป

นอกจากนี้ รศ. ดร.วิลาสินี ยังได้ชี้แจงถึงแผนการดำเนินการช่อง ALTV ว่าเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องทำ เพื่อตอบสนองการเรียนรู้ของเด็ก  ซึ่งปัจจุบันมีการเติบโตของเรทติ้งสูง ถึง 8% สวนทางกับช่องอื่น ๆ  จากนี้ จะเตรียมประเมินการบริหารช่อง ALTV และลองวิธีการทำงานรูปแบบใหม่ ๆ ในกลุ่มเฉพาะ เพิ่มเติม รวมถึงการขยายความร่วมมือ กับกลุ่ม EdTech (Educational Technology)  เพื่อร่วมกันพัฒนาการศึกษา และกระจายการเข้าถึงให้ง่าย และกว้างขวางยิ่งขึ้น ภายใต้งบประมาณที่จำกัด

ในส่วนของข้อห่วงใยในเรื่องของความเป็นกลางของไทยพีบีเอสนั้น รศ. ดร.วิลาสินี ชี้แจงว่า จากผลประเมินไทยพีบีเอสในทุก ๆ ปี จะสะท้อนว่า ไทยพีบีเอส เป็นสื่อที่มีการนำเสนออย่างตรงไปตรงมา  และ ไทยพีบีเอสได้มีการจัดทำวิจัยแบบ Content Analysis ที่ติดตามการทำงานในประเด็นใหญ่ เช่น เรื่องเลือกตั้ง 2566 ที่ผลงานวิจัยยืนยัน ว่าไทยพีบีเอสเป็นสื่อเดียว ที่เปิดพื้นที่ให้กับทุกพรรคการเมืองอย่างเท่าเทียม และมีข้อมูลจากทุกภาคส่วนค่อนข้างครบถ้วนที่สุด นอกจากนี้ ไทยพีบีเอส มีอนุกรรมการรับเรื่องร้องเรียน ที่ทำหน้าที่พิจารณาตรวจสอบการทำงานของไทยพีบีเอสอีกช่องทางหนึ่ง ทั้งนี้ ขอน้อมรับนำข้อห่วงใยนี้ไปเน้นย้ำ กับกองบรรณาธิการข่าวให้มีความระมัดระวังในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น 

ขณะที่นายอนุพงษ์ ไชยฤทธิ์ รองผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ด้านปฏิบัติการและเทคโนโลยี  ได้อธิบายถึง แนวทางการดำเนินการโครงข่ายทีวีดิจิทัล ส่วน นางสาวกนกพร ประสิทธิ์ผล กรรมการบริหาร ส.ส.ท. และผู้อำนวยการสำนักดิจิทัล ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ VIPA ที่เป็นบริการ Video Streaming Platform ว่า มีผู้เข้าชมในปี 2566 กว่า 9 ล้าน pageviews มีการพัฒนาเนื้อหารายการอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีรายการบรรจุอยู่ ถึง 238 รายการ กว่า 1,238 วิดีโอ ซึ่งมีบริการทั้งภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ รวมถึงบริการภาษามือ Big Sign และบริการเสียงบรรยายภาพ ซึ่งบริการเหล่านี้มีอยู่ในทุก ๆ Digital Platform ของไทยพีบีเอส เพราะต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเนื้อหา รายการ ข่าวสารที่เป็นโยชน์ได้อย่างเท่าเทียม

รศ. ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการนโยบาย ส.ส.ท. กล่าวสรุปและขอบคุณ ส.ส.ทุกท่านที่ใส่ใจการดำเนินงานของไทยพีบีเอส จะนำเอาข้อคิดเห็นที่ได้ให้แก่ไทยพีบีเอสนำไปปฏิบัติเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุด  โดยจะยังคงยึดมั่นในการเป็นสื่อสาธารณะที่ยึดโยงกับประชาชน มุ่งมั่นทำงานสื่อสารมวลชน เพื่อประเทศร่วมกัน