ข่าวสังคม
TSPCA จี้รัฐบาลใหม่เร่งทบทวนมาตรฐานเลี้ยงสัตว์ดุร้ายหลังสิงโตรุมขย้ำ พนง.ดับ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

TSPCA จี้รัฐบาลชุดใหม่ทบทวนมาตรฐานเลี้ยงสัตว์ดุร้ายเพื่อการแสดงโชว์ หลังเกิดเหตุสิงโตรุมขย้ำพนักงานสวนสัตว์ดับสลด หวั่นสิงโตอีก 223 ตัวที่มีผู้ครอบครองก่อเหตุสลดซ้ำซาก
วันที่ 10 กันยายน 2568 จากรณีฝูงสิงโตรุมทำร้ายเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ กทม.บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต ขณะเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวเข้าชมในสวนสัตว์เป็นจำนวนมากทั้งไทยและต่างชาตินั้น ดร.สาธิต ปรัชญาอริยะกุล เลขาธิการและผู้อำนวยการสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันการทารุณกรรมและสวัสดิภาพสัตว์ กล่าวว่าก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้เกี่ยวข้องทุกคน เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้น เพราะเป็นความสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก รวมทั้งเป็นการทำลายภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตามส่วนตัวเห็นว่า สิงโตในประเทศไทยแม้เป็นสัตว์ป่าควบคุม ชนิดที่มีสายพันธุ์นิสัยดุร้าย มีพฤติกรรมที่รุนแรง คนเลี้ยง ผู้ครองครองหรือผู้เกี่ยวข้องอาจได้รับอันตรายได้ แม้ปัจจุบันจะมีผู้นิยมเลี้ยงมากยิ่งขึ้น นอกจากสวนสัตว์และเอกชนทั่วไปสนใจ บางรายแสดงเนื้อหาการเลี้ยงสิงโต ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โซเซียลมีเดีย และติ๊กต็อก (TikTok) โดยพบข้อมูลจากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พบว่าปี 2567 มีผู้แจ้งการครอบครองสิงโต จำนวน 37 ราย จำนวน 223 ตัว ในส่วนของกรุงเทพฯมีผู้แจ้งการครอบครองสิงโต 4 ราย จำนวน 39 ตัว โดยสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ สถานที่เกิดเหตุอันน่าสลดนี้ มีการแจ้งการครอบครองสิงโตในปี 2567 จำนวน 45 ตัว แต่ปัจจุบันพบว่าเหลือ 32 ตัว
ดร.สาธิต กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวที่ผ่านมา TSPCA เคยยื่นหนังสือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำมาตรฐานการเลี้ยงสัตว์เพื่อการแสดง รวมทั้งมีการตั้งคณะทำงานในการติดตามกรณีการจัดสวัสดิภาพสัตว์ในสวนสัตว์ เช่น กรณีติดตามกรณีกอริลลา “บัวน้อย” ดังนั้นถึงเวลาที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องกลับมาทบทวนมาตรฐานด้านสวัสดิภาพสัตว์ป่าในสวนสัตว์และสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการแสดงเพื่อลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งเป็นการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ที่ดีอีกด้วย
ด้านนางสาวโซไรดา ซาลวาลา ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อนช้าง เห็นว่าเกิดเหตุสลดในสวนสัตว์ซ้ำแล้วซ้ำอีกทั้งในประเทศและต่างประเทศ บางเหตุการณ์ก็มีการปิดข่าวกันทำให้สาธารณชนไม่ทราบเรื่อง ขอให้ทบทวนมาตรฐานการจัดการสวนสัตว์ กฎหมายใดที่มีหรือร่างใดที่ทำแล้วขอให้ช่วยเผยแพร่ด้วย ความปลอดภัยของทั้งสัตว์ ทั้งคนต้องมีมาตรการที่ดีขึ้น ทั้งนี้สวัสดิภาพของสัตว์ในสวนสัตว์ไม่ควรถูกปล่อยปละละเลยอีกต่อไป
ส่วน นายสมศักดิ์ สุนทรนวภัทร ผู้ประสานงานภาครัฐ Four Paws International เห็นว่าประเทศไทยถูกต่างประเทศจับตามองว่าเรามีจำนวนเสือและสิงโตในกรงเลี้ยงมากเกินไป เกินกว่าจะควบคุมได้ และอาจนำไปสู่การค้าที่ผิดต่ออนุสัญญาไซเตสได้ ตามบ้านผู้คนมีการครอบครองเสือประมาณ 200 ตัว และมีสิงโตอยู่ในการครอบครองของเอกชนไม่ต่ำกว่า 200 ตัว จริงๆแล้วไม่สมควรให้มีการครอบครองเลย การนำสัตว์ป่ามาใช้เพื่อการแสดง โดยเฉพาะสัตว์ป่าดุร้าย เช่น สิงโต เสือ และช้าง นอกจากจะมีปัญหาด้านสวัสดิภาพสัตว์แล้ว ยังจะมีความเสี่ยงที่จะถูกสัตว์ทำอันตรายได้ตลอดเวลา ดังเช่น กรณีนี้ที่สิงโต 5 ตัว รุมขย้ำพนักงานจนเสียชีวิต
นายสมศักดิ์ กล่าวว่าประเทศไทยมีจำนวนเสือและสิงโตมากเกินความจำเป็น เช่น ตามสวนสัตว์สาธารณะ และตามบ้านส่วนตัวเคยเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีการลดจำนวนลง เช่น ให้ยุติการอนุญาตผสมพันธุ์ ยุติการนำเข้า และยุติการให้เอกชนครอบครองตามบ้าน แต่ก็ยังไม่เป็นผล ดังนั้นกรณีสิงโตขย้ำพนักงานนี้ ควรเป็นอุทาหรณ์ ถึงเวลาที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทบทวนมาตรฐานต่างๆ และต้องเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายที่มี และขอฝากรัฐมนตรีคนใหม่ ที่ต้องเอาจริงเอาจังในการจัดการปัญหาดังกล่าว อย่างให้เหมือนการแก้ปัญหาเก่าๆที่ผ่านมา เมื่อถึงเวลามีปัญหาก็เสียงดัง พอเรื่องเงียบก็ปล่อยปละละเลย อย่าให้เกิดขึ้นดังเช่นกรณีนี้อีก
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่