โลกชู!"โคฟี่ อันนัน"รัฐบุรุษพหุภาคีนิยมอย่างแท้จริง

วันที่ 19 ส.ค.2561 ผู้นำประเทศต่างๆทั่วโลกร่วมกล่าวคำไว้อาลัยแก่นายโคฟี่ อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ที่ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวานนี้ ที่โรงพยาบาลในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยวัย 80 ปี
          

นายลีโอ วารัดการ์ นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ กล่าวถึงนายอันนันว่าเป็นนักพหุภาคีนิยอย่างแท้จริง โดยแถลงการณ์ของนายกฯไอร์แลนด์ระบุว่า ตนเองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทราบข่าวการจากไปของนายอันนัน ซึ่งเป็นบุคคลที่ตนเองได้มีโอกาสพบเมื่อต้นปี ท่านเป็นนักพหุภาคีนิยมอย่างแท้จริงในช่วงเวลาเราต้องการพหุภาคีนิยม และยังเป็นผู้สนับสนุนสันติภาพโลกอย่างไม่เคยเหน็ดเหนื่อย
          

ทางด้านประธานาธิบดีมาร์เซโล เดอ โซซ่า แห่งโปรตุเกส กล่าวว่า นายอันนันเป็นผู้สนับสนุนการเจรจาและความร่วมมือกันอย่างจริงจัง และยังเป็นศักดิ์ศรีแห่งมวลมนุษย์ ตลอดจนหลักการพื้นฐานแห่งกฎบัตรสหประชาชาติ
          

ผู้อำนวยการองค์การการศึกษา วัฒนธรรม และวิทยาศาสตร์แห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก้ ได้กล่าวถึงนายอันนันว่าเป็นผู้ปกป้องสันติภาพ และยังเป็นผู้เดินหน้าให้เกิดสันติภาพอย่างแท้จริง ตลอดจนวิสัยทัศน์ที่ทันสมัยแห่งสหประชาชาติ

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ถึงการถึงแก่อนิจกรรมของ นายโคฟี่ อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ และผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพว่า รัฐบาลและประชาชนแห่งราชอาณาจักรไทยรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ได้รับทราบเรื่องการถึงแก่อนิจกรรมของ นายโคฟี่ อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ และผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ นายโคฟี่ อันนัน เป็นรัฐบุรุษในระดับโลก และเป็นผู้นำที่แท้จริงของระบบพหุภาคีนิยม 

ตลอดช่วงที่ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสหประชาชาติ โดยได้สร้างความเข้มแข็งให้กับงานของสหประชาชาติในด้านการพัฒนา และการธำรงรักษาสันติภาพและความมั่นคง รวมทั้งทุ่มเทส่งเสริมงานด้านสิทธิมนุษยชน หลักนิติรัฐ และคุณค่าอันเป็นสากลด้านความเท่าเทียม ความอดกลั้น และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามที่ปรากฏในกฎบัตรสหประชาชาติ 

นอกจากนี้ นายโคฟี่ อันนัน ยังเป็นผู้ริเริ่มเรื่องการปฏิรูปสหประชาชาติเพื่อปรับปรุงการประสานงานและความสอดคล้องเชื่อมโยงกันของงาน ด้วยคำพูดของท่านเองที่ว่า "จะนำสหประชาชาติมาใกล้ชิดกับประชาชนยิ่งขึ้น"นายโคฟี่ อันนัน เป็นมิตรที่ดีของประเทศไทย และได้เดินทางเยือนประเทศไทยในหลายวาระทั้งการเยือนอย่างเป็นทางการและการเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศต่างๆ 

เมื่อเดือน พ.ค.2549 นายโคฟี่ อันนัน ได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อทูลเกล้าถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ของโครงการเพื่อการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดรัชสมัยการถึงแก่อนิจกรรมของนายโคฟี อันนัน เป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่แก่ประชาคมระหว่างประเทศทั้งปวง ความเป็นผู้นำและคุณงามความดีของนายโคฟี่ อันนันจะยังคงเป็นแรงบันดาลใจที่แท้จริงแก่พวกเราทุกคน 

"สุรเกียรติ์"อาลัยสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของโลก

นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของนายโคฟีอันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติว่า “ผมรู้สึกตกใจและเสียใจอย่างมากที่เห็นข่าวการจากไปของท่านโคฟี่ อานัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ
          

ผมรู้จักท่านมานานเกือบ20ปี ตั้งแต่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตั้งแต่ในปี2544 ผมได้พบหารือข้อราชการกันหลายครั้งในเรื่องสำคัญๆของโลกในข่วงเวลานั้นทั้งที่กรุงนิว ยอร์ค ที่ประเทศไทยและในเมืองต่างๆ
          

เมื่อพ้นตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปลายปี2549 ก็พบท่านอยู่เนืองๆ ผมได้บรรยายสรุปท่านเรื่องความแตกแยกในการเมืองไทย ตอนผมเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการค้นหาความจริงเพื่อการปรองดอง (คอป.)และได้เชิญท่านมาเยือนประเทศไทยและช่วง1 ปีที่ผ่านมาที่ผมได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะที่ปรึกษาระหว่างประเทศให้กับรัฐบาลเมียนม่าร์ในการนำข้อเสนอของคณะกรรมาธิการแก้ปัญหารัฐยะไข่ที่ท่านเป็นประธานไปปฏิบัติ
          

ผมได้หารือกับท่านเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ปีที่แล้วนี้เองที่กรุงเจ นี วา สวิสเซอร์แลนด์และได้ฟังข้อคิดเห็นและประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ในการทำหน้าที่ประธานที่ปรึกษาฯของผมและในการพบบุคคลต่างๆมากมายที่มาพบประหารือเรื่องการแก้ปัญหารัฐยะไข่ในช่วงปีที่ผ่านมาก็ได้พูดถึงข้อเสนอเรื่องรัฐยะไข่88ข้อของท่านมาตลอด คณะที่ปรึกษาฯที่ผมเป็นประธานเพิ่งยื่นราบงานฉบับสุดท้ายเรื่องสันติภาพและการพัฒนาในรัฐยะไข่ให้รัฐบาลเมียนม่าร์เมื่อวันที่16สิงหาคมที่ผ่านมานี้เอง และกำลังจะลงนามในจดหมายส่งหนังสือดังกล่าวให้ท่านจำนวนหนึ่งด้วย
          

ท่านโคฟี่ อานันได้ทำประโยชน์ให้โลกในด้านสันติภาพแบะการพัฒนามากมาย ทั้งในตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติและเมื่อพ้นตำแหน่งแล้ว ไม่ว่าจะในประเด็นปัญหาความขัดแย้งในอัฟริกา ตะวันออกกลาง คาบสมุทรเกาหลี ประเทศไทย และความขัดแย้งในปัญหารัฐยะไข่ของเมียนม่าร์ นับเป็นความสูญเสียต่อครอบครัวท่าน และต่อสังคมระหว่างประเทศอย่างมหาศาล ผมมั่นใจว่า ประชาคมระหว่างประเทศจะจดจำคุณงามความดีของท่านตลอดไป"