วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2564 จากเกิดเหตุนองเลือดเมื่อวันอาทิตย์(28ก.พ.) ตำรวจพม่ายิงใส่ผู้ชุมนุมทั่วประเทศ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย นับเป็นสถานการณ์ครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่รัฐประหาร 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา
 
สำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติระบุว่า "กองกำลังตำรวจและทหารเผชิญหน้ากับการชุมนุมอย่างสันติ และใช้กำลังถึงตาย และตามข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่ทางสำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้รับ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 คนและบาดเจ็บกว่า30คน"
 
นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้สมาชิกดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่ว่า ขอเรียกร้องประชาคมนานาชาติร่วมมือกัน และส่งสารอย่างชัดเจนถึงกองทัพเมียนมาว่าพวกเขาต้องเคารพเจตนารมณ์ของประชาชนชาวเมียนมาที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง และหยุดปราบปรามผู้ประท้วง 

ขณะที่นายแอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามสิ่งที่เขาเรียกว่าความรุนแรงที่น่ารังเกียจโดยกองกำลังความมั่นคงของพม่า "เรายืนหยัดอย่างหนักแน่นให้กำลังใจประชาชนชาวพม่า และสนับสนุนทุกประเทศให้ส่งเสียงคนละเสียงสนับสนุนเจตนารมณ์ของพวกเขา" นายบลินเคนเขียนบนทวิตเตอร์ พร้อมระบุว่า"อเมริกาจะเดินหน้าผลักดันกระตุ้นให้นำตัวผู้อยู่เบื้องหลังมารับผิดชอบ"

ขณะที่บรรดาชาวเน็ตทั่วโลก ทั้งทวิตเตอร์ อินสตาแกรม และเฟซบุ๊ก แชร์ภาพเหตุการณ์นองเลือดที่เมียนมา จากการที่ตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของผู้ประท้วงต้านรัฐประหาร เป็นภาพตำรวจใช้ทั้งแก๊สน้ำตา และกระสุนจริงยิงผู้ประท้วง ในคลิปวิดีโอหนึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ขณะที่ผู้ประท้วงชายรายหนึ่งในย่านเลดันของเมืองย่างกุ้ง ถูกยิงล้มลงกับพื้นจมกองเลือด บรรดาผู้ประท้วงคนอื่นๆ ได้พยายามเข้าไปช่วยกันหามผู้บาดเจ็บรายนี้ออกไปจากจุดเกิดเหตุ ในขณะที่ตำรวจก็กำลังกระชับพื้นที่เข้าไป

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ว่าที่พลตำรวจตรีติน มิน ตุน สังกัดตำรวจสันติบาลเมียนมา ระบายความคับข้องใจกับการรัฐประหารที่นำโดยพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย โดยได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เขาได้ตัดสินใจลาออกจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล โดยได้ยื่นหนังสือลาออกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา