วันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2564  เพจ ThaiPBS North ได้โพสต์ข้อความว่า เมื่อเวลา 08.20 น. วันนี้ (21/4/2564) ทหารเมียนมาที่ตั้งฐานใกล้กับกองบัญชาการทหารสูงสุดดอยไตยแลง  ตรงข้าม อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ได้ใช้ปืน ค.81 และ ปตอ.50 ยิงเข้ามาบริเวณป่า บริเวณแม่น้ำแม่กุน ใกล้กับฐานที่มั่นส่วนหน้า ของกองบัญชาการทหารสูงสุดดอยไตแลง  จำนวน 3-4 ลูก  แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่า จึงไม่มีความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ

พลเอกยอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (RCSS.) กล่าวว่า การยิงตกมาตกในพื้นที่รอบฐานของสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (RCSS.)  ของกองทัพเมียนมา เป็นอาการของคนกลัว และเป็นการโยนหินถามทาง ตอนนี้เราก็เพียงเตรียมความพร้อม หากเมียนมาเข้ามาโจมตีฐานเราเมื่อไหร เราจะโต้กลับแบบหนักหน่วงทันที

ขณะเดียว วันนี้ทหารเมียนมาที่ฐานที่มั่น ตามแนวชายแดน ได้มีการยิง ค. ยิงปืนกล กันทุก ๆ  จุด จุดละ 5-6 นัด มีรายงานว่า การยิงอาวุธหนักรอบดอยไตแลง และรอบฐานที่มั่น ของกองทัพเมียนมา เป็นการยิงเพื่อเคลียร์พื้นที่รอบฐาน และเพื่อเป็นการยิงเตือน  และป้องกันการเข้าโจมตีของฝ่ายตรงข้าม

นักการทหาร มองว่า การยิงอาวุธหนัก ตามแนวชายแดนของกองทัพเมียนมา น่าจะเป็นการสร้าความกดดันสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (RCSS) ที่ขณะนี้ทำหน้าที่รักษาการประธานคณะทำงานกระบวนการสันติภาพ (PPST) ซึ่งสมาชิก ประกอบด้วย 10 ชาติพันธุ์ติดอาวุธ ที่ลงนามหยุดยิงทั่วประเทศ   และก่อนหน้านี้ PPST ได้ออกแถลงการณ์ไม่ยอมรับการยึดอำนาจ และประกาศสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วง รวมทั้งให้ PPST ทบทวนการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มการเมือง CRPH และรัฐบาลเงาของเมียนมา

อ.ปายซักซ้อมแผนเผชิญเหตุและแผนอพยพประชาชนพื้นที่ชายแดน

เมื่อเวลา 09.00–12.00น.พันเอกสุจินต์ทรัพย์สินผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่7มอบหมายให้พันเอกสันติพงษ์ชิงดวงผู้บังคับกองบังคับการควบคุมหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่7เป็นประธานการประชุมและดำเนินการฝึกซักซ้อมการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุและแผนอพยพประชาชนบนภูมิประเทศจำลอง(RockRehearsal)ณห้องประชุมและสนามฝึกของกองพันทหารราบที่5กรมทหารราบที่7ค่ายโสณบัณฑิตย์อำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอน
          
การประชุมและซักซ้อมแผนดังกล่าวหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่7ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการขึ้นเพื่อประสานการปฏิบัติและเตรียมความพร้อมกรณีประชาชนได้รับผลกระทบหากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบโดยจำลองพื้นที่บริเวณช่องทางดอยหัวแหวนบ้านปายสองแง่ตำบลเวียงเหนืออำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอนซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนระหว่างไทย-เมียนมาโดยมุ่งเน้นให้เจ้าหน้าที่เข้าใจในบทบาทหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานเพื่อให้มีความพร้อมให้การช่วยเหลือและการบรรเทาความเดือนร้อนอย่างทันท่วงที

ผู้ลี้ภัยรัฐฉานขอไทยอนุญาตให้ข้ามพรมแดนหากถูกเมียนมาโจมตี
 
มีรายงานจากชายแดนไทย-เมียนมา แจ้งว่า มีแถลงการณ์จากคณะกรรมการผู้ลี้ภัยรัฐฉาน (พรมแดนไทย) เนื้อหาแจ้งถึงสถานการณ์พื้นที่อยู่อาศัยของชาวไทใหญ่ ใกล้ค่ายดอยก่อวันของกองกำลังไทใหญ่ หรือ SSA ติดกับ ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ว่า ภายหลังเกิดเหตุยิงกระสุนปืนใหญ่ขนาด 120 มม. จำนวน 4 ลูก ไปตกในพื้นที่ไร่นา เขตห้วยปางควายเมื่อวันที่ 18 เม.ย.จำนวน 3 ลูก และวันที่ 19 เม.ย. จำนวน 1 ลูก ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 2 กิโลเมตรนั้น ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวต่างเกรงกลัวว่าจะมีการโจมตีครั้งใหญ่ขึ้นอีก และพื้นที่ทุ่งนาที่เคยมีลูกระเบิดตกก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปใกล้ เพราะเกรงจะมีการยิงไปยังจุดเดิมอีกขณะที่ในปัจจุบันมีผู้พลัดถิ่นอยู่บรเวณค่ายดอยก่อวัน 2,559 คน ต่างมีความกังวลและเก็บสัมภาระเพื่อให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลาแล้ว

สำหรับห้วยปางควายดังกล่าวเป็นแหล่งเกษตรกรรมหลักของดอยก่อวัน ใช้สำหรับปลูกข้าว ข้าวโพด และถั่วเหลือง เนื่องจากจุดที่ต้งค่ายดอยก่อวันอยู่บนยอดเขา ไม่เหมาะกับการเพาะปลูก แต่หลังเกิดเหตุก็ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรอย่างหนักเพราะไม่ผู้คนกล้าเข้าไปในพื้นที่นั้นอีก

นอกจากนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวว่าทหารของกองทัพเมียนมาหลายร้อยนายได้เคลื่อนกำลังพลเขาไปใกล้ค่ายดอยก่อวันมากถึง 7 กองพัน โดยเป็นกองพันทหารราบเบาที่ 221, 225, 259, 388, 554 และ 572 และกองพันทหารราบที่ 314 พื้นที่โดยรอบยังรายล้อมด้วยฐานทหารของเมียนมาและว้า

ทางคณะกรรมการผู้ลี้ภัย (พรมแดนไทย) จึงมีความกังวลทั้งต่อผู้ลี้ภัยบนดอยก่อวัน และค่ายผู้พลัดถิ่นอีก 4 แห่งที่อยู่ตามแนวชายแดนรับฉานและประเทศไทย โดยเป็นผู้ที่ลี้ภัยจากการถูกบังคับให้ย้ายถิ่นฐานในภาคกลางและภาคใต้ของรัฐฉานในปี 1996-1998 ทำให้ชาวรัฐฉานกว่า 300,000 คนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักและหลายคนเสียชีวิต

ดังนั้น หากค่ายต่างๆ ถูกโจมตีก็ขอร้องต่อประเทศไทยให้อนุญาตให้ผู้พลัดถิ่นข้ามพรมแดน เพื่อหนีไปยังที่ปลอดภัย และได้รับการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมด้วย

ทูตยูเอ็นชี้เมียนมาปราบปรามทำไร้ถิ่นฐาน250,000คน
 
เอเอฟพีรายงานว่า นายทอม แอนดรูว์ ผู้จัดทำรายงานพิเศษขององค์การสหประชาชาติด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมา ทวีตเมื่อวันพุธว่า "ตกใจที่ได้รู้ว่า จากข้อมูลจากแหล่งข่าวหลายราย การโจมตีของรัฐบาลทหารทำให้ชาวเมียนมาไร้ถิ่นฐานแล้วเกือบ 1 ใน 4 (ของ 1) ล้านคน"
          
"โลกต้องดำเนินการทันทีเพื่อจัดการกับความหายนะด้านมนุษยธรรมนี้" ทูตยูเอ็นผู้นี้กล่าว
          
กลุ่มบรรเทาทุกข์คริสเตียน ฟรีเบอร์มาเรนเจอร์ส ประเมินไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า มีประชาชนไม่ต่ำกว่า 24,000 คนไร้ถิ่นฐานในรัฐกะเหรี่ยง ที่กองทัพโจมตีทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศเมื่อต้นเดือนนี้

สื่อแฉรัสเซียซุ่มส่งอาวุธหนุนรัฐบาลทหารเมียนมา

ขณะที่ The Moscow Times ของรัสเซียรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลที่เปิดเผยโดยกรมศุลกากรของรัสเซีย (FCS) เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ว่ารัฐบาลทหารเมียนมานำเข้าอุปกรณ์เรดาร์มูลค่า 14.7 ล้านเหรียญสหรัฐจากรัสเซียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่รัสเซียยังคงให้การสนับสนุนกองทัพเมียนมาหลังการรัฐประหารและจับกุมนางออง ซาน ซูจี

ทางด้านสถานีโทรทัศน์ของกองทัพเมียนมารายงานวานนี้(20เม.ย.) ว่า กระทรวงมหาดไทยเมียนมาประกาศให้รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ที่จัดตั้งโดยฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหาร เป็นองค์กรผิดกฎหมาย ขณะที่สมาคมเพื่อการช่วยเหลือนักโทษการเมืองของเมียนมา ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 738 ราย จากการปราบปรามการชุมนุมประท้วง และมีผู้ถูกควบคุมตัว 3,300 คน