เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มต้นการเยือนตะวันออกกลางอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13–16 พฤษภาคมนี้ โดยมีจุดหมายหลัก 3 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งถือเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งสำคัญครั้งแรกหลังรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง

ทรัมป์เดินทางถึงกรุงริยาดในวันแรกของภารกิจ และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย โดยระหว่างการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน มีนักธุรกิจชั้นนำของสหรัฐฯ อย่าง อีลอน มัสก์ และ แซม อัลต์แมน ร่วมโต๊ะด้วย ซึ่งแสดงถึงความร่วมมือที่ลึกซึ้งในประเด็นด้านพลังงาน เทคโนโลยี และ AI

หลังจากนั้น ทรัมป์จะเดินทางต่อไปยังกาตาร์ ซึ่งทางราชวงศ์เตรียมมอบเครื่องบินโบอิ้ง 747-8KB VIP มูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาทเป็นของขวัญทางการทูต และปิดท้ายด้วยการเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อพบกับ ประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด บิน ซาเยด (MBZ) โดยจะหารือในหัวข้อสำคัญ เช่น เมืองอัจฉริยะ พลังงานสะอาด และความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)

อย่างไรก็ตาม การที่ทรัมป์ไม่มีแผนเยือนอิสราเอลในครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดกระแสตั้งคำถามถึงทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับพันธมิตรสำคัญในภูมิภาค

สหรัฐฯ ชื่นชมข้อเสนอไทยเรื่องเจรจาภาษี

ในการประชุมสุดยอดเศรษฐกิจ Saudi–U.S. Investment Forum ที่กรุงริยาดห์ ซึ่งจัดขึ้นตรงกับการเยือนของทรัมป์ มร. สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้กล่าวชื่นชมความคืบหน้าในการเจรจาด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการริเริ่มของประเทศไทยในเรื่องข้อเสนอเกี่ยวกับภาษีที่เขาระบุว่า "ยอดเยี่ยม"

เบสเซนต์กล่าวว่า สหรัฐฯ กำลังมุ่งสร้างข้อตกลงทางเศรษฐกิจในเอเชียกับประเทศคู่ค้าที่สำคัญ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ไต้หวัน และไทย ซึ่งล้วนแต่แสดงบทบาทเชิงรุกในการยื่นข้อเสนอและหารือเชิงสร้างสรรค์กับสหรัฐฯ

“โดยรวมแล้ว สถานการณ์กำลังดำเนินไปอย่างดีมากในภูมิภาคนี้” รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวสรุป

การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมนานาชาติคิงอับดุลอาซิซ มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศมหาอำนาจในโลกอาหรับและตะวันตก