เมื่อวันที่ 17  มิถุนายน 2568 สำนักข่าวขแมร์ไทมส์รายงานว่า แรงงานชาวกัมพูชาที่ทำงานในประเทศไทยที่เลือกเดินทางกลับกัมพูชาได้กล่าวความรู้สึกโล่งใจและขอบคุณที่รัฐบาลกัมพูชาให้คำมั่นว่าจะช่วยกระตุ้นโอกาสการทำงานในประเทศตนเอง ทำให้แรงงานมีความหวังที่จะได้ทำงานที่มีรายได้มั่นคงโดยไม่ต้องทิ้งครอบครัวไปทำงานในต่างประเทศ

ถึงแม้ว่านายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรของไทยจะเน้นย้ำว่ารัฐบาลไทยไม่มีแผนที่จะผลักดันแรงงานกัมพูชาให้กลับประเทศ แต่แรงงานชาวกัมพูชาหลายคนยังคงเลือกที่จะเดินทางกลับกัมพูชาด้วยหลายเหตุผล เช่น กังวลเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคงของงาน ท่ามกลางความตึงเครียดเรื่องพื้นที่พิพาทไทย-กัมพูชา ที่กัมพูชาส่งเรื่องพื้นที่พิพาท 4 แห่ง ได้แก่ ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก)

ภายหลังจากที่สมเด็จฯฮุน เซนเรียกร้องให้แรงงานกัมพูชาที่ทำงานอยู่ในไทยให้เดินทางกลับประเทศ รัฐบาลกัมพูชาได้พยายามขยายโอกาสการทำงานในประเทศตัวเอง ซึ่งกระทรวงแรงงานของกัมพูชาระบุว่าได้ส่งศูนย์จัดหางานเคลื่อนที่ไปยังบริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชา เพื่อลงทะเบียนแรงงานกัมพูชาที่กลับจากไทยที่อยากหางานใหม่ ซึ่งทางกระทรวงคาดว่าตอนนี้มีตำแหน่งงานว่างอยู่ประมาณ 230,000 ตำแหน่งทั่วประเทศ ซึ่งความพยายามเหล่านี้มีขึ้นเพื่อตอบรับความต้องการเร่งด่วนของแรงงานและลดการพึ่งพาตลาดแรงงานต่างชาติในระยะยาว

ทีมข่าวของขแมร์ไทมส์ที่ประจำที่จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำรายงานว่ามีแรงงานกัมพูชาเดินทางกลับจากไทยอย่างต่อเนื่อง นายเยียต โสเพีย ที่ไปทำงานเป็นแรงงานก่อสร้างในไทยนาน 6 ปีเล่าว่าการที่รัฐบาลกัมพูชาให้คำมั่นว่าจะขยายโอกาศการทำงานมากขึ้นทำให้เขามีความหวังมากขึ้นตามมา แม้ว่างานที่ไทยจะไม่ยากลำบากนักแต่เขาเลือกที่จะกลับเพราะคิดถึงบ้าน

แรงงานชาวกัมพูชาอีกคนที่เลือกเดินทางกลับประเทศเล่าว่า ตนทำงานในไทยประมาณ 2 ปี สภาพการทำงานค่อนข้างหนัก ทำงานนานหลายชั่วโมง ค่าจ้างที่ได้ก็น้อย และไม่ค่อยได้รับการสนับสนุน แต่การที่ต้องห่างจากครอบครัวทำให้ทุกอย่างแย่ลง หลังจากกลับมากัมพูชาแล้ว ตนไม่คิดที่จะกลับไปทำงานในไทยอีกและตั้งใจที่จะหางานทำในกัมพูชาเพื่ออยู่ใกล้ครอบครัวมากขึ้น

ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากกระทรวงแรงงานกัมพูชา ขณะนี้มีแรงงานกัมพูชาทำงานอยู่ในประเทศไทยจำนวนกว่า 1.2 ล้านคน