วันศุกร์ ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 00:36 น.

ต่างประเทศ

โลกระอุ ! "จองอึน" ทดสอบระเบิดไฮโดรเจน แรง 6.3 ริกเตอร์

วันอาทิตย์ ที่ 03 กันยายน พ.ศ. 2560, 23.12 น.

โลกระอุ ! "จองอึน" ทดสอบระเบิดไฮโดรเจน แรง 6.3 ริกเตอร์

 

เกาหลีเหนือเขย่าโลก ประกาศเป็นมหาอำนาจเทอร์โมนิวเคลียร์ หลังประสบความสำเร็จทดสอบนิวเคลียร์ ครั้งที่ 6 ทรงพลังมหาศาล ด้านปักกิ่งเดือด ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรง ฉุนไม่ไว้หน้า "ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง" เปิดประชุมสุดยอดกลุ่มบริกส์

 

สถานีโทรทัศน์ของทางการเกาหลีเหนือรายงานในวันนี้ (3 ก.ย.) ว่าเกาหลีเหนือประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนที่ทรงพลังอย่างไม่เคยมีมาก่อน และสามารถติดตั้งบนขีปนาวุธได้ ทั้งยังเป็นการบรรลุเป้าหมายสุดท้ายของการเป็นชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ พร้อมโชว์ลายมือผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง-อึน ให้ทำการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนในเวลาเที่ยงวันอาทิตย์

 

ข่าวนี้ออกมาหลังจากที่หลายประเทศ ซึ่งรวมถึงกรมสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ วัดแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 6.3 ใกล้สถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเกาหลีใต้และญี่ปุ่นระบุว่า มีความรุนแรงมากกว่าการทดสอบหลายครั้งก่อนหน้านี้ถึง 10 เท่า และต่างสรุปว่า เปียงยางทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง เปียงยางยังเผยแพร่ภาพคิมตรวจสอบระเบิดไฮโดรเจนย่อส่วนที่สามารถติดตั้งบนขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ที่สถาบันอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนืออวดอ้างว่า ระเบิดดังกล่าวผลิตภายในประเทศ 100% และมีอานุภาพทำลายล้างสูงมาก

 

ระเบิดไฮโดรเจนหรือเอชบอมบ์ หรือที่เรียกว่า อุปกรณ์เทอร์โมนิวเคลียร์ ทรงอานุภาพกว่าอาวุธนิวเคลียร์จากปฏิกิริยาฟิชชั่นที่เชื่อกันว่า เกาหลีเหนือทดสอบมาแล้วหลายครั้ง และแม้ยังไม่เคยมีการใช้ระเบิดไฮโดรเจนในสงคราม แต่อาวุธชนิดนี้มีการติดตั้งอยู่ในหัวรบนิวเคลียร์ส่วนใหญ่ทั่วโลก

 

โยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ออกมาประกาศหลังจากเกาหลีเหนืออวดอ้างความสำเร็จในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจน ว่าจะเสนอคว่ำบาตรน้ำมันต่อเกาหลีเหนือ

 

ส่วนที่เกาหลีใต้ ประธานาธิบดี มุน แจ-อินเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกองทัพเกาหลีใต้ประกาศเพิ่มระดับการเตือนภัย

 

กระทรวงต่างประเทศจีนแถลงผ่านเว็บไซต์ประณามการกระทำล่าสุดของเปียงยางอย่างรุนแรง และเรียกร้องให้เปียงยางปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ยุติการกระทำที่ผิดพลาดซึ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง และกลับสู่แนวทางการแก้ปัญหาด้วยการเจรจา

พฤติกรรมของเปียงยางครั้งนี้สร้างความกระอักกระอ่วนอย่างยิ่งต่อประธานาธิบดี สี จิ้นผิง แม้ประมุขแดนมังกรเลือกที่จะไม่พาดพิงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวระหว่างกล่าวเปิดการประชุมกับผู้นำกลุ่มบริกส์ ซึ่งประกอบด้วยรัสเซีย อินเดีย บราซิล และแอฟริกาใต้ ที่จัดขึ้นทางใต้ของจีนเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เปียงยางทดสอบนิวเคลียร์ก็ตาม

 

ผู้นำโสมแดงอ้างว่า การป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ที่เชื่อถือได้มีความสำคัญต่อการอยู่รอดของประเทศ ท่ามกลางภัยคุกคามจากการรุกรานของอเมริกา