วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ศาลรัฐธรรมนูญมีวาระการวินิจฉัยคำร้อง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของ ส.ส. กรณีการเสียบบัตรลงคะแนนแทน นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สุมทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ และ นายสมบูรณ์ ชารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งวันนี้เป็นการประชุมภายใน ไม่ได้ออกนั่งบัลลังก์ โดยมีรายงานว่าผลการวินิจฉัยปรากฏว่า ที่ประชุมมีมติ 5 ต่อ 4 ไม่โมฆะ และให้โหวตใหม่ในวาระ 2 - 3 (

โดยศาลรัฐธรรมนูญ แถลงอย่างเป็นทางการว่าได้มีมติเสียงข้างมากให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการให้ถูกต้องในการขั้นตอนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563  เฉพาะในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ
          
แต่การพิจารณาลงมติในวาระที่ 1 และในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการก่อนนำเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาออกเสียงลงมติเรียงตามลำดับมาตราในวาระที่ 2 ซึ่งได้เสร็จสิ้นไปก่อนที่จะมีการกระทำอันไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงเป็นขั้นตอนที่ชอบและมีผลสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญแล้ว
          
จากนั้นให้เสนอร่าง พ.ร.บ.ที่แก้ไขให้ถูกต้องตังกส่วให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญต่อไป พร้อมทั้งให้สภาผู้แทนราษฎรรายงานผลการปฏิบัติตามคำบังคับต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำวินิจฉัย

"วิษณุ" ชี้ หาก พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ถูกตีตกทั้งฉบับก็ต้องเริ่มใหม่หมด

ก่อนหน้านี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจจัยกรณีปมเสียบบัตรแทนกัน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณางบประมาณ ปี 63 ว่า เรื่องนี้ ผลที่รุนแรงที่สุดของคำวินิจจัยในวันนี้ คือ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปี 63 จะเสียไปทั้งฉบับ ซึ่ง ครม.ต้องเสนอต่อที่ประชุมสภาใหม่ทั้งกระบวนการ ซึ่งนายวิษณุ บอกว่า รัฐบาลไม่ลำบาก แต่จะเสียเวลามากกว่าปกติ เพราะต้องเริ่มเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. และนายกรัฐมนตรี ต้องไปยืนอ่านที่สภาใหม่ และที่ประชุมสภาต้องตกลงกันว่า จะมีการพิจารณา 3 วาระรวด หรือจะพิจารณาในรูปแบบใด ซึ่งก็มีโอกาสที่ พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ถูกแปรญัตติขึ้นใหม่ แต่หากไม่เป็นไปตามที่ตนพูด ก็อาจจะมีเพียงแค่ขั้นตอนอื่นๆ
          
ทั้งนี้ นายวิษณุ ระบุว่า ระยะเวลาในการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณ ได้มีกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ว่า จะต้องพิจารณาในระยะเวลา ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจจัยว่า พ.ร.บ.งบประมาณเกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ก็ต้องมีการตั้งต้นใหม่ และพ.ร.บ.งบประมาณ ตัวเก่าก็ต้องทิ้งไป และต้องเริ่มทำใหม่ กำหนดระยะเวลาใหม่ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศาลในวันนี้ และหวังว่าศาลจะมีแนวทางที่ชัดเจน ให้กับรัฐบาลว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไร ไม่เช่นนั้นก็จะต้องนำเรื่องของการทำงบประมาณไปให้ศาลพิจารณาอีก
          
นายวิษณุ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หาก พ.ร.บ.งบประมาณ 63 ถูกศาลวินิจฉัยให้โมฆะทั้งฉบับก็ยังสามารถนำ พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ฉบับเดิม กลับเข้าสู่การพิจารณาใหม่ได้ หรือจะนำฉบับที่ผ่านการพิจารณาของกรรมาธิการเรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ได้เกิดการทะเลาะกัน พร้อมย้ำว่าไม่สามารถนำร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ที่มีการตกแต่งตัวเลขเพิ่มงบประมาณเข้ามาพิจารณานั้น ทำไม่ได้