การเมือง
โควิดพ่นพิษ ครม.ไฟเขียวโรงเรียนเลื่อนเปิดเทอมไปเป็น 1 ก.ค.63
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
โควิดพ่นพิษ ครม.ไฟเขียวโรงเรียนเลื่อนเปิดเทอมไปเป็น 1 ก.ค.63
วันที่ 7 เมษายน 2563 ศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอการปรับการเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ปีการศึกษา 2563 โดยให้สถานศึกษาเลื่อนการเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ปีการศึกษา 2563 จากวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เป็นวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการจะปรับวิธีการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับหลักสูตรที่กำหนดไว้ในแต่ละระดับการศึกษา ของปีการศึกษา 2563 โดยกระทรวงศึกษาธิการจะได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ต่อไป
สำหรับสาระสำคัญของเรื่อง ศธ. เสนอว่า 1.ตามที่ ครม.ได้มีมติในคราวประชุมเมื่อ 17 มีนาคม 2563 เห็นชอบมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันวิกฤตการณ์จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ข้อ 2 ยับยั้งการระบาดภายในประเทศ ข้อ 2.4 งดการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย (สถาบันการศึกษา) โรงเรียน โรงเรียนนานาชาติ และสถาบันกวดวิชา หรือปรับวิธีการเรียนการสอนเป็นทางออนไลน์ ตั้งแต่วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563 เป็นระยะเวลา 14 วัน และให้สถานศึกษาดำเนินการป้องกันโรคตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เมื่อสถานศึกษากลับมาเปิดสอนตามปกติ และข้อ 2.6 งดกิจกรรมที่มีการเคลื่อนย้ายคนข้ามจังหวัดของหน่วยงานที่มีคนจำนวนมาก ได้แก่ ค่ายทหาร เรือนจำ โรงเรียน รวมถึงการจำกัดการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว หรือหากจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ของโรค เช่น การตรวจคัดกรองคนก่อนเคลื่อนย้าย
2.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยปีการศึกษา การเปิดและปิดสถานศึกษา พ.ศ. 2549 ข้อ 7 วรรคหนึ่ง ให้สถานศึกษาเปิดและปิดภาคเรียนตามปกติในรอบปีการศึกษาหนึ่งตามที่กำหนดไว้ดังต่อไปนี้ (1) ภาคเรียนที่หนึ่ง วันเปิดภาคเรียน วันที่ 16 พฤษภาคม วันปิดภาคเรียน วันที่ 11 ตุลาคม (2) ภาคเรียนที่สอง วันเปิดภาคเรียน วันที่ 1 พฤศจิกายน วันปิดภาคเรียน วันที่ 1 เมษายน ของปีถัดไป วรรคสอง สถานศึกษาใดประสงค์จะเปิดและปิดภาคเรียนแตกต่างไปจากที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง ให้ส่วนราชการเจ้าสังกัดเป็นผู้กำหนดตามที่เห็นสมควร ดังนั้น อาศัยอำนาจตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยปีการศึกษา การเปิดและปิดสถานศึกษา พ.ศ. 2549 กระทรวงศึกษาธิการเห็นสมควรให้มีการเลื่อนการเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง จากวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เป็นวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการเห็นว่าหากมีการเลื่อนการเปิดภาคเรียนที่หนึ่งล่วงเลยกำหนดเวลาดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อการวางแผนการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2563 เป็นอย่างยิ่งและจะมีผลกระทบต่อไปถึงการเรียนการสอนในปีการศึกษาต่อ ๆ ไปด้วย โดยกระทรวงศึกษาธิการจะได้ประสานงานกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ถึงความเหมาะสมในวิธีการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับนโยบายโดยรวมของประเทศต่อไป
3.กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศเรื่องให้สถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษ ประกาศ ณ วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2563 ให้สถานศึกษาทุกแห่งของรัฐและเอกชน ทั้งในระบบและนอกระบบ ซึ่งอยู่ในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษ ตั้งแต่วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงในระหว่างที่สถานศึกษาต้องปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษดังกล่าว หากมีความจำเป็น ให้ส่วนราชการต้นสังกัดกำหนดแนวทางแก้ปัญหา ทั้งนี้ ให้สถานศึกษาจัดให้มีการเรียนการสอนด้วยการไม่ต้องเข้าชั้นเรียนโดยปรับการเรียนการสอนเป็นทางออนไลน์
4.เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สามารถติดต่อโดยการแพร่กระจายละอองฝอยของเชื้อโรคเหมือนเชื้อกลุ่มไข้หวัด และการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่ง จึงติดต่อได้ง่ายและเป็นอันตรายอย่างมากต่อชีวิตประชาชน ประกอบกับในขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคทั้งยังไม่มียารักษาโรคโดยตรง ทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น กิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนเป็นกลุ่ม หรือการรวมตัวกันของคนหมู่มาก มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวได้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ผู้เรียน ครู ผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการจึงเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบการปรับการเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ปีการศึกษา 2563
5.เนื่องจากตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ให้มีผลตั้งแต่ วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 จนถึงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) มีคำแนะนำให้ประชาชนอยู่บ้าน โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป กลุ่มคนมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้ โรคทางเดินหายใจ เด็กอายุไม่เกิน 5 ปี อันส่งผลกระทบต่อสถานศึกษาในกระบวนการการรับสมัคร การสอบคัดเลือก การจับฉลาก การประกาศผล การรายงานตัว และการมอบตัวที่ได้กำหนดวันไว้เดิมตามปฏิทินการรับนักเรียน นักศึกษาและผู้เรียนในปีการศึกษา 2563 ซึ่งกำหนดดำเนินการระหว่างเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2563 โดยขณะนี้สถานศึกษายังไม่สามารถดำเนินการได้ตามกระบวนการข้างต้น ทำให้สถานศึกษาไม่สามารถเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ปีการศึกษา 2563 ในวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยปีการศึกษา การเปิดและปิดสถานศึกษา พ.ศ. 2549
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง
- "เศรษฐา" เรียก "อนุทิน" หารือด่วนที่ทำเนียบฯ ยันไม่มีเรื่องปรับคณะรัฐมนตรี 24 เม.ย. 2567
- "ยิ่งลักษณ์" ไร้คดีในป.ป.ช. หลังมติเอกฉันท์ไม่อุทธรณ์คดีโรดโชว์ 240 ล้าน 24 เม.ย. 2567
- กมธ.กีฬาวุฒิสภาลงพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนายกสมาคมนักกีฬาโอลิมปิกไทย 24 เม.ย. 2567
- "สุดารัตน์ สุรเกียรติ์" เห็นตรง ไทยกำลังเผชิญความท้าทายใหญ่ 4 ด้าน ระบุถึงเวลาแก้ปัญหาประเทศที่โครงสร้าง 24 เม.ย. 2567
- บึงกาฬประชุมสนามบินนัดสุดท้ายจ่ายเงินเวนคืนปี 69 สร้างปี 70 พร้อมเปิดใช้ปี 73 24 เม.ย. 2567
ข่าวในหมวดการเมือง
- "ดร.นิยม เวชกามา" เป็นประธานงานบุญประจำปีอำเภอพญาเต่างอย 22:08 น.
- "เศรษฐา" ไปแม่สอด 23 เม.ย. ติดตามสถานการณ์ปะทะฝั่งเมียนมา 22:04 น.
- ปลัดมหาดไทย เผยผลไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบสำเร็จ 28,236 ราย มูลหนี้ลดลง 1,083 ล้าน 17:14 น.
- ประชุมใหญ่ “ไทยสร้างไทย ก้าวต่อไปเพื่อคนตัวเล็ก” คึกคัก สุดารัตน์ ประกาศจุดยืนเป็นพรรคทางรอดประเทศไทย 15:41 น.
- ฝ่ายปกครองอำเภอกระนวน บุกจับผู้เสพยาพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 30 เม็ด 15:11 น.