วันเสาร์ ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567 14:11 น.

การเมือง

“อนุทิน”ยัน สธ.ไม่เคยขวางเอกชนนำเข้าวัคซีน แถมเตรียมสนับสนุนทุกทาง

วันเสาร์ ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2564, 10.04 น.

“อนุทิน”ยัน สธ.ไม่เคยขวางเอกชนนำเข้าวัคซีน แถมเตรียมสนับสนุนทุกทาง เผยเบื้องหลังเจรจาวัคซีนล่ม เหตุติดเงื่อนไขเรื่องการบีบซื้อ

วันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2564  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีนโยบายให้เอกชนจัดหาวัคซีนทางเลือก 10 ล้านโดส ว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขยินดีอย่างยิ่ง หากภาคเอกชนจะเข้ามาแบ่งเบาภาระ และที่ผ่านมา ได้ให้เอกชน ไปหารือกับผู้ผลิต หาวัคซีนมาขึ้นทะเบียน และให้บริการ โดยไม่มีการห้าม ประเทศไทย ก็ต้องการมีทางเลือกที่เพิ่มขึ้น หากเอกชนไปหารือกับทางไฟเซอร์สำเร็จ ก็นำมาขึ้นทะเบียนกับ อย.ได้ กระทรวงสาธารณสุข ทำทุกทาง เพื่อให้ไทยได้วัคซีนเข้ามาใช้อย่างเหมาะสม เคยพูดคุยกับผู้ผลิตหลายต่อหลายเจ้า ผู้ผลิตพร้อมขึ้นทะเบียนกับไทย แต่มีเงื่อนไขว่าไทยต้องซื้อวัคซีนเท่านี้ จัดส่งได้ตามระยะเวลานี้ ซึ่งไทยไม่ได้ต้องการขนาดนั้น และระยะเวลาการจัดส่งก็อาจจะช้าไปแล้ว การพูดคุยก็ยุติลง แต่ไทยไม่เคยลดละความพยายามที่จะให้ทางผู้ผลิตมาขึ้นทะเบียน

ปัจจุบัน ไทยขึ้นทะเบียนวัคซีนไป 3 ยี่ห้อ ได้แก่ แอสตราเซนนิกา ซิโนแวค และจอห์นสัน แอนด์จอห์นสัน ซึ่งแบรนด์ตัวสุดท้ายไทย ได้ขอซื้อแล้ว แต่ทางนั้น ส่งวัคซีนได้ช่วงปลายปี ชนกับรอบการผลิตของแอสตราเซนนิกาพอดี ตอนนั้น เราไม่มีความจำเป็นขนาดนั้นแล้ว 

สำหรับประเทศไทย แผนการจัดหา วางไว้โดยคำนึงเรื่องของการกลายพนธุ์ของเชื้อด้วย ไทยจึงไม่ซื้อวัคซีนมามากมายมหาศาล แต่เราซื้อให้ทันฉีด ทันใช้ ไม่มีเหลือค้างสต็อกจำนวนมากมาย เพราะเราต้องมีแพลนบี ไว้สำหรับรองรับกรณีเชื้อกลายพันธุ์ ด้วย  ไม่ใช่ว่าซื้อวัคซีนมาแล้ว เสียเงินมหาศาล งบหมด ได้วัคซีนมากองกันไว้ แต่ใช้ไม่ได้ เพราะ ไม่ทันกับเชื้อโรค

ส่วนประเด็นเรื่องโรงพยาบาลเอกชน ไม่รับตรวจโควิด 19 ตรงนี้ ได้หารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ปัญหาคือ โรงพยาบาลเอกชน ถ้าตรวจเจอ แล้วต้องรักษา จึงกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งภาครัฐได้เข้าไปคุยแล้วว่าจะจัดการตรงนี้ให้ ปัญหาตรงนี้ น่าจะคลี่คลายในเร็ววันนี้ สำหรับประชาชน โรงพยาบาลของรัฐ ยังให้บริการ ขอให้อ่านข่าวอย่างเข้าใจ เพราะบางคนไปตีความแล้วว่าเตียงไม่พอ โรงพยายาลเอกชนไม่รับตรวจ รับรักษา วิกฤติแล้ว ทั้งที่สถานการณ์ไม่ใช่แบบนั้น 

การรักษาโรคโควิด 19 ประเทศไทยได้เตรียมพร้อมโรงพยาบาลสนามไว้ ควบคู่กับฮอสพิเทล ซึ่งจะรองรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ แต่หากมีอาการก็ย้ายเข้าไปรักษาโรงพยาบาลที่มีทรัพยากรมากกว่า ขอย้ำว่าประเทศไทยได้เตรียมพร้อมทรัพยากรในการรักษาพยาบาล หากเกิดเหตุฉุกเฉิน และเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ไว้แล้ว 

“ตอนนี้มาตรการที่ออกมาก็เข้มขึ้น หวังว่าจะสามารถกดยอดผู้ป่วยลงได้ในเร็ววันนี้ แต่ถึงสถานการณ์จะแย่ลง กระทรวงสาธารณสุขก็ได้เตรียมการไว้อย่างครบถ้วน ทั้งเตียง ยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ป้องกัน และบุคลากรด้านการสาธารณสุข แต่ก็ขอให้คนไทยยกการ์ดให้สูง เพราะเชื่อสายพันธุ์อังกฤษนั้นแพร่ได้ง่ายกว่า ขอให้คนไทย ระวัดระวังตนเองมากขึ้น” 

"วัคซีนซิโนแวค"1ล้านโดส ถึงไทยเช้ามืดวันนี้

วันนี้เวลา 05.35 น. ที่เขตปลอดอากรและคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม พร้อมด้วย ภญ.ศิริกุล เมธีวีรังสรรค์ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม และนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค รับมอบวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค จำนวน 1 ล้านโดส จากประเทศจีน ที่ขนส่งโดยสายการบิน Air China Airline เที่ยวบินที่ CA603 เส้นทางปักกิ่ง-กรุงเทพมหานคร


          
นพ.วิฑูรย์ กล่าวว่า จากที่รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขโดยองค์การเภสัชกรรมดำเนินการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เร่งด่วน จำนวน 2 ล้านโดส โดยมีการเจรจาจัดซื้อจากบริษัท ซิโนแวค ไลฟ์ ซายน์ จำกัด สาธารณรัฐประชาชนจีน (Sinovac Life Sciences Co.,Ltd., People’s Republic of China) โดยวัคซีนล็อตแรก ได้จัดส่งให้องค์การเภสัชกรรมไปแล้วเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 2 แสนโดส ล็อตที่2 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2564 จำนวน 8 แสนโดส และในวันนี้ได้มีการส่งมอบล็อตที่ 3 อีกจำนวน 1 ล้านโด๊ส โดยวัคซีนดังกล่าวมีการจัดส่งด้วยกล่องที่มีการควบคุมอุณหภูมิ (Passive cold carton) ระหว่าง 2-8 องศา ตลอดเวลา ที่สามารถเก็บอุณหภูมิได้นานถึง 96 ชั่วโมง วัคซีนทั้งหมดนี้จะขนส่งไปจัดเก็บยังคลังสำรองวัคซีนโควิด-19 ซึ่งมีการควบคุมอุณหภูมิระหว่าง 2-8 องศา ด้วยเช่นกัน ที่ศูนย์กระจายสินค้าของบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด จากนั้นจะดำเนินการตรวจรับและส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบคุณภาพ มาตรฐาน และเอกสารต่างๆ อีกครั้ง และเมื่อผ่านการตรวจสอบทุกขั้นตอนแล้ว จะส่งให้กรมควบคุมโรคตรวจรับวัคซีนและกระจายไปยังหน่วยบริการ และสถานพยาบาลต่างๆ เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายตามแผนที่กำหนด โดยวัคซีนนี้จะฉีดให้กลุ่มเป้าหมาย ที่มีอายุ 18-59 ปี คนละ 2 โดส


          
“สำหรับวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทซิโนแวค จากประเทศจีนนั้น ทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนจากบริษัทซิโนแวคไปแล้ว ประมาณ 200 ล้านโดส (ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2564) อาทิ ประเทศจีน สิงคโปร์ บราซิล ตุรกี อินโดนีเซีย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ บรูไน ไทย เป็นต้น และวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทซิโนแวค ประเทศจีน ยังติด 1 ใน 10 อันดับผู้ผลิตของประเทศในโลกที่ได้รับการจองวัคซีนโควิด-19 มากที่สุด โดยมีการจองที่ 367 ล้านโด๊ส(ข้อมูล ณ วันที่ 7 เมษายน 2564)”
          
นพ.วิฑูรย์ กล่าวต่อไปว่า ประมาณปลายเดือนเมษายนนี้จะมีการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวคจากประเทศจีนอีก จำนวน 5 แสนโดส โดยเป็นในส่วนที่องค์การเภสัชกรรมได้สั่งซื้อเพิ่มเติมไว้ โดยวัคซีนซิโนแวค นี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานบริหารจัดการวัคซีนโควิด -19 ของประเทศไทยที่เป็นไปตามแผนงานกระทรวงสาธารณสุขที่วางไว้อย่างรัดกุมและเป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนในประเทศไทยเข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพ ปลอดภัย เพื่อลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต ปกป้องระบบสุขภาพ ของประเทศ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินต่อไป

ส่วนประเด็นเรื่องโรงพยาบาลเอกชน ไม่รับตรวจโควิด 19 ตรงนี้ ได้หารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ปัญหาคือ โรงพยาบาลเอกชน ถ้าตรวจเจอ แล้วต้องรักษา จึงกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งภาครัฐได้เข้าไปคุยแล้วว่าจะจัดการตรงนี้ให้ ปัญหาตรงนี้ น่าจะคลี่คลายในเร็ววันนี้ สำหรับประชาชน โรงพยาบาลของรัฐ ยังให้บริการ ขอให้อ่านข่าวอย่างเข้าใจ เพราะบางคนไปตีความแล้วว่าเตียงไม่พอ โรงพยายาลเอกชนไม่รับตรวจ รับรักษา วิกฤติแล้ว ทั้งที่สถานการณ์ไม่ใช่แบบนั้น 

การรักษาโรคโควิด 19 ประเทศไทยได้เตรียมพร้อมโรงพยาบาลสนามไว้ ควบคู่กับฮอสพิเทล ซึ่งจะรองรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ แต่หากมีอาการก็ย้ายเข้าไปรักษาโรงพยาบาลที่มีทรัพยากรมากกว่า ขอย้ำว่าประเทศไทยได้เตรียมพร้อมทรัพยากรในการรักษาพยาบาล หากเกิดเหตุฉุกเฉิน และเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ไว้แล้ว 

“ตอนนี้มาตรการที่ออกมาก็เข้มขึ้น หวังว่าจะสามารถกดยอดผู้ป่วยลงได้ในเร็ววันนี้ แต่ถึงสถานการณ์จะแย่ลง กระทรวงสาธารณสุขก็ได้เตรียมการไว้อย่างครบถ้วน ทั้งเตียง ยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ป้องกัน และบุคลากรด้านการสาธารณสุข แต่ก็ขอให้คนไทยยกการ์ดให้สูง เพราะเชื่อสายพันธุ์อังกฤษนั้นแพร่ได้ง่ายกว่า ขอให้คนไทย ระวัดระวังตนเองมากขึ้น” 
 

หน้าแรก » การเมือง