วันจันทร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2568 20:33 น.

การเมือง

“อนุทิน”แย้มแผนแก้ปัญหาเตียงเต็ม เตรียมเพิ่มศักยภาพ รพ.สนามใกล้เคียง “รพ.บุษราคัม”

วันพุธ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2564, 15.05 น.

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2564  ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีเตียงรอบรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) ที่มีจำนวนมากขึ้น ว่า แต่ละหน่วยงานมีบทบาทการดูแลรับผิดชอบที่ชัดเจน อย่างใน กทม. กรุงเทพมหานตร ได้รับหน้าที่ให้จัดการพื้นที่ของตนเอง ส่วน กระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่ให้การสนับสนุน ซึ่งได้ทำอย่างเต็มที่อยู่เสมอ อาทิ การให้โรงพยาลบุษราคัมเข้ามาแบ่งเบางานหนัก ที่นี่ได้รับผู้ป่วยต่างชาติระดับสีเหลืองแล้ว และสิ่งที่ สธ.กำลังเร่งดำเนินการคือจะต้องเปิดเตียงและห้องไอซียู รพ.หลักให้มากที่สุด นอกจากนั้น ยังมีแนวคิดในการเพิ่มศักยภาพ รพ.สนาม ให้ใกล้เคียงกับที่มี รพ.บุษราคัม มี เพื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาผู้ป่วย ที่แสดงอาการ ในระดับเกณฑ์สีเหลือง ซึ่งจะช่วยลดอัตราการสูญเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนั้น ยังต้องพัฒนาเรื่องศูนย์แรกรับ จากที่ปัจจบัน ได้จัดตั้งศูนย์แรกรับส่งต่อผู้ป่วยโควิด 19 ที่อาคาร นิมิบุตร ที่ผ่านมาปฏิบัติงานได้ผล น่าพอใจ ก็อาจจะต้องเพิ่มเติม 1 แห่ง เช่น อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก เพื่อรองรับผู้ป่วยสีเหลืองด้วย สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ มีแผนว่าจะสับเปลี่ยนจากจังหวัดต่างๆ เข้ามาในพื้นที่
เมื่อถามถึง กรณีที่พบผู้ติดเชื้อ ซึ่งเป็นกลุ่มลักลอบเข้าเมือง กระทรวงสาธารณสุข มีแผนจะเข้าไปดูแลปัญหาอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อติดเชื้อเข้ามา ก็ต้องรักษาตามหลักมนุษยธรรม ส่วนการป้องกัน ปราบปรามกลุ่มลอบเข้าเมืองนั้น ทางรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ติดตามเรื่องการลักลอบจ้างแรงงานผิดกฎหมายมาโดยตลอด เมื่อมีการลักลอบจ้างแรงงาน ก็เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย 

จากนั้น นายอนุทิน ได้อธิบายถึงปัญหาการนำเข้าวัคซีนยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งถูกสื่อมวลชนชื่อดังตั้งข้อสงสัยว่าเป็นไปอย่างล่าช้า ว่า วัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนทางเลือก ที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว กรณีนี้ หากเอกชนต้องการซื้อ แต่ผู้ผลิตไม่ยอมขายให้เอกชน เพราะต้องการจำหน่ายให้รัฐเท่านั้น องค์การเภสัชกรรม(อภ.) ก็พร้อมเป็นสะพานเชื่อมให้ แต่ทางผู้ผลิต ต้องยืนยันตัวเลขการจัดหา และปฏิบัติไปตามขั้นตอน 

“สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ รัฐบาลได้สั่งซื้อจำนวน 20 ล้านโดส และได้ลงนามในเทอมชีทร่วมกันเป็นที่เรียบร้อย แต่ล่าสุด บริษัทฯ แจ้งว่าสามารถส่งวัคซีนให้เราได้ในไตรมาส 4 ทั้งนี้ ยอดการสั่งซื้อ 20 ล้านโดส เป็นยอดที่บริษัทแจ้งว่าจะสามารถจัดสรรให้ประเทศไทยได้ภายในปีนี้ เพราะวัคซีนยังเป็นสิ่งที่ทั่วโลกมีความต้องการสูง และได้พยายามเจรจาเพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์มากที่สุด” 

ศบค.รับเตียงในกทม.ไม่พอเร่งเพิ่ม Hospitel โยกผู้ป่วยสีเขียวออกเปิดทางสีแดงเข้า

ทั้งนี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงกรณีกรมการแพทย์ออกมาระบุว่าจำนวนเตียงผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 เข้าสู่ภาวะวิฤติว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล ซึ่งผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้แนวทางที่จะย้ายผู้ป่วยโซนสีเขียวอาการไม่มากจากโรงพยาบาลไปอยู่ที่ hospitel เพราะเป็นกลุ่มที่สามารถดูแลตัวเองได้ เพื่อเป็นช่องทางให้ผู้ป่วยอาการหนักที่รอเตียงอยู่เข้ามาแทนได้
          
สำหรับผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง ยอมรับว่าศักยภาพของภาครัฐขณะนี้เต็มที่แล้ว แต่ใน กทม.ยังมีโรงพยาบาลที่สามารถรองรับเพิ่มได้ เช่น โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ก็จะมีการพิจารณาว่าสามารถปรับเป็นพื้นที่เพื่อรับผู้ป่วยสีแดงได้หรือไม่ โดยได้มอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดไปหารือถึงความเป็นไปได้
          
ส่วนปัญหาบุคลากรภาครัฐไม่เพียงพอนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ยังพอมีบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนสามารถมาช่วยในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ได้
          
"เรากำลังเจอสถานการณ์วิกฤติอย่างนี้ ต้องใช้รูปแบบใหม่ๆ เข้ามา ผอ.ศปก.ศบค.ให้โจทย์ไปทาง กทม.สร้างโมเดลใหม่ๆ ซึ่งอาจต้องดึงศักยภาพของหน่วยงานเอกชน คือ การสร้างไอซียูที่อยู่นอกโรงพยาบาล เพื่อให้สามารเพิ่มไอซียูขึ้นมาได้ ดึงเอาภาคเอกชนช่วยกัน คงได้เห็นการเตรียมการตรงนี้ชัดเจนขึ้นเร็วๆนี้"นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
          
ส่วนข้อกังวลเกี่ยวกับอาการแพ้วัคซีนโควิดนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับในช่วง 30 นาทีหลังจากได้รับวัคซีนซิโนแวก 49.4% พบอาการปวดบวมบริเวณที่ฉีด ที่เหลือเป็นอาการปวดศรีษะ ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ส่วนอาการของผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า พบอาการปวดศรีษะมากสุด 21.4% ที่เหลือเป็นอาการไข้ ปวดกล้ามเนื้อ เหนื่อย และปวด บวม บริเวณที่ฉีด
          
ขณะที่เมื่อฉีดวัคซีนไป 1 วันแล้ว ผู้ที่ได้รับซิโนแวก พบอาการปวดบวมกล้ามเนื้อมากสุด 23.6% ที่เหลือจะเป็นอาการปวดศรีษะ เหนื่อย ไข้ และปวด บวม บริเวณที่ฉีด ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า พบอาการไข้มากสุด 24.8% ที่เหลือเป็นอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดศรีษะ เหนื่อย และปวด บวม บริเวณที่ฉีด จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจว่าผลจาการฉีดวัคซีนโควิดก็เหมือนกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดที่อาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นได้        

หน้าแรก » การเมือง