เฮไม่ต้องใช้เตาถ่านแล้ว! ครม.คลอด 6 มาตราแก้ปัญหา "ราคาน้ำมัน" และ "พลังงาน" ขณะที่ "สุพัฒนพงษ์" กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถก 6 โรงกลั่น หั่นกำไรเข้ากองทุนน้ำมันต่อ "พรรคกล้า" กางกฎหมายยัน "รมว.พาณิชย์" เกี่ยวข้องราคาน้ำมันโดยตรง “กระทรวงพลังงาน” แนะประชาชนใช้ “เตาซุปเปอร์อั้งโล่”  

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน 2565  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการลดค่าครองชีพประชาชนจากผลกระทบประชาชนและภาคธุรกิจอย่างเร่งด่วนในช่วงเวลา 3 เดือน ก.ค. - ก.ย.2565 ประกอบไปด้วย 8 มาตรการทั้งการลดค่าครองชีพ และการประหยัดพลังงาน รวมทั้งมาตรการในการลดภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวประกอบไปด้วย  1.การคงราคาขายปลีกผู้ที่ใช้ก๊าซ NGV ไว้ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม และให้สิทธิ์ผู้ขับขี่แท๊กซี่มิเตอร์ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน เพื่อซื้อในราคากิโลกรัมละ 13.62 บาท /กิโลกรัม ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่ 16 มิ.ย. - 15 ก.ย.2565

2.กำหนดเพดานการขายปลีกก๊าซLPG ถัง 15 ก.ก.ตั้งแต่ ก.ย. - ก.ค. และการให้ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้มเดือนละ 100 บาท สำหรับผู้ค่าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 5,500 คน ออกไปอีก 3 เดือน  3.ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยให้เงินช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.6 ล้านคน เดือนละ 100 บาทเท่าเดิม  4.การช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นเกิน 35 บาทต่อลิตรในสัดส่วนครึ่งหนึ่งของราคาที่เกินเพื่อช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ได้รับผลกระทบมากเกินไป  5.ขอความร่วมมือจากโรงกลั่นน้ำมันในการส่งกำไรบางส่วนเข้าสู่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯเพื่อลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

6.การให้ความช่วยเหลือค่าน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก 157,000 คน โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 250 บาทต่อเดือน และให้กรมการขนส่งทางบกกำกับราคาการให้บริการเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ต้องใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเท่าเดิม  7.ขอความร่วมมือในการประหยัดพลังงาน โดยสนับสนุนมาตรการประหยัดพลังงานทั้งภาครัฐและเอกชน 

และ 8.มาตรการการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ โดยมาตรการส่งเสริมการประชุม จัดสัมมนา หรือนิทรรศการในต่างจังหวัด ซึ่งหากบริษัทเอกชนไปจัดงานการประชุม สัมมนา หรืออีเวนท์ในต่างจังหวัดจะลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งในจังหวัดเมืองหลักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า และเมืองรองลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.-31 ธ.ค.2565

"สุพัฒนพงษ์" กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถก 6 โรงกลั่น หั่นกำไรเข้ากองทุนน้ำมันต่อ

 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีการหารือกับ 6 โรงกลั่น เพื่อหาข้อสรุปการนำกำไรส่วนเกินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า ทุกฝ่ายกำลังคุยกันอยู่ ใช้เวลาหารือกัน ขอความร่วมมือกัน เมื่อวานก็มีการพูดคุยกัน และจะยังคุยกันต่อเนื่องทั้งสัปดาห์

คาดว่าจะได้ข้อยุติภายในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจำนวนกำไรของโรงกลั่นที่จะนำเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะนี้กำลังหารือกันอยู่ อย่าไปกดดันอะไรกัน ตัวเลขให้เขาหารือให้ได้ข้อสรุปตัวเลขที่เหมาะสมและรับได้ทั้งสองฝ่าย อาจจะน้อยกว่า 8,000 ล้านบาท ซึงตัวเลขที่ปรากฏอยู่ขณะนี้

"ผมคิดว่า บรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดี ร่วมมือกันทุกฝ่าย ผู้ประกอบการก็เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน และผู้แทนกระทรวงพลังงาน หรือ ผู้แทนกองทุนน้ำมันฯก็ได้ชี้แจงถึงสาเหตุและขอความร่วมมือผู้ประกอบการ"

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ส่วนจะต้องออกเป็นกฎหมายออกมาบังคับหรือไม่นั้น สุดท้ายต้องมาดูว่า เมื่อได้ความร่วมมือที่ชัดเจนแล้วจะใช้วิธีไหนในการที่จะสนับสนุนกัน และคงต้องดูว่า ตกลงที่จะร่วมมือและเข้าใจตรงกันให้เรียบร้อยก่อน ส่วนจะเป็นวิธีการใดก็ต้องไปดูช่องทางกฎหมายว่าจะใช้ช่องทางใด มีหลายช่องทาง

"ตอนนี้เรายังไม่อยากใช้อำนาจไปบังคับ เป็นเรื่องของความร่วมมือ เมื่อได้จำนวนที่ตกลงกันได้ ทีนี้วิธีการที่จะช่วยเหลือเงินเข้ามา หรือ สนับสนุนเงินเข้ามาจะใช้ช่องทางใดก็ต้องไปดู ซึ่งได้หารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางกฎหมายโดยตรง"

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า วันนี้ได้หารือกันกับผู้ประกอบการโรงกลั่นทุกโรงบนพื้นฐานที่จะร่วมมือและยินดีให้ความร่วมมือ ส่วนผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรรอการประชุมในสัปดาห์นี้

"โจทย์ใหญ่คือแผนระยะยาว ต้องไปดูว่าเราจะต้องดูว่าสาเหตุเป็นอย่างไร ตอนนี้เหลืออยู่ไม่กี่ตัวแล้ว เหลือน้ำมันดีเซลตัวเดียว ส่วนน้ำมันเบนซินเป็นไปตามราคากลไกตลาด ส่วนผู้ประกอบการจะส่วนเหลืออย่างไรก็เป็นเรื่องเพิ่มเติมขึ้นมา แต่มาตรการระยะยาวอาจจะมีความจำเป็นที่ต้องเจาะคนที่เปราะบางและได้รับความเดือดร้อนจริงๆ ถ้าเกิดยืดเยื้อและระดับราคาพลังงานสูงขึ้น แต่ตอนนี้ลดลงมาแล้ว จึงจับทางได้ยาก เพราะความเคลื่อนไหวเร็วมาก"

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ให้จับตาการประชุมกลุ่มประเทศ G 7 ที่ประเทศเยอรมนี ช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ประเด็นการหารือเรื่องความเดือดร้อนของประชาคมโลกที่เกี่ยวข้องกับราคาพลังงานที่สูงขึ้น จนกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ ค่าครองชีพ อาจจะมีมาตรการผ่อนคลายของฝั่งสหรัฐอเมริกาหรือการแซงก์ชั่นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานออกมา

'พรรคกล้า'กางกฎหมาย! ยัน'รมว.พาณิชย์'เกี่ยวข้องราคาน้ำมันโดยตรง

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีกระทรวงพาณิชย์ พยายามบอกว่าการกำกับดูแลราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ โดยย้ำอีกครั้งว่า ก๊าซปิโตรเลียมเหลวและน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นสินค้าควบคุม ตามมาตรา 24 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ซึ่งมี รมว.กระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน มีหน้าที่กำหนดควบคุมกำไรและราคา ตามมาตรา 25(1) , (2) ดังนั้นการกำหนดราคา จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์โดยตรง ปัดให้ฝ่ายอื่นแล้วบอกไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองไม่ได้ แต่ตอนนี้น้ำมันกลายเป็น #สินค้าควบคุมที่ไม่ควบคุม ไปแล้ว

ส่วนที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การกำหนดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นเรื่องของคณะกรรมการนโยบายพลังแห่งงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า มาตรา 5 พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พ.ศ.2534 กำหนดชัดเจนว่า รมว.กระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการอยู่ใน กพช.ด้วย รมว.กระทรวงพาณิชย์ จึงมีส่วนสำคัญที่ต้องรับผิดชอบ และแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ กพช.กับกระทรวงพลังงาน

"ถ้าไม่ใช่ รมว.กระทรวงพาณิชย์ แล้วจะเป็นใคร เพราะท่านมีหมวก 2 ใบ เป็นทั้งประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ (กกร.) มีหน้าที่กำหนดราคาและกำไรสินค้าควบคุม และยังเป็นกรรมการ ในคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ส่วนปลัดกระทรวงพาณิชย์ ท่านเองก็เป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ด้วยเช่นกัน จึงเป็นความรับผิดชอบที่ปัดให้ใครไม่ได้ และอำนาจอะไรที่ไม่เคยได้ใช้ ไม่ได้แปลว่าไม่มีอยู่จริง จึงขอให้กลับมารับผิดชอบหน้าที่ หาทางร่วมกับ กพช.กำหนดเพดานค่าการกลั่น ให้อยู่ในอัตรากำไรที่เหมาะสม" นายแสนยากรณ์ กล่าว

นายแสนยากรณ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ ทำหน้าที่กำหนดราคาสินค้าควบคุมในตลาดมาแล้วหลายอย่าง แต่พอราคาน้ำมัน กลับลังเลที่จะรับผิดชอบหรือเข้าไปควบคุมกำหนดเพดานค่าการกลั่น ซึ่งตอนนี้น้ำมันแพงเรื่อยๆ ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้น ร้านอาหารทยอยปรับราคา รถร่วม บขส.ประกาศลดเที่ยวรถ 80% มีม็อบไปชุมนุมหน้ากระทรวงพลังงาน อาการเหล่านี้คือสัญญาณอันตราย ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า และเชื่อว่าประชาชนอยากเห็นการทำงานเพื่อแก้ปัญหา ไม่ใช่ปัดความรับผิดชอบแบบนี้

“กระทรวงพลังงาน” แนะประชาชนใช้ “เตาซุปเปอร์อั้งโล่”  

ทั้งนี้เพจ "กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน" ได้โพสต์แนะให้ประชาชนใช้เตาซุปเปอร์อั้งโล่ หรือ เตามหาเศรษฐี เพื่อประหยัดพลังงาน และยังช่วยลดการใช้แก๊ส LPG ในครัวเรือน ทางเพจระบุว่า "เตามหาเศรษฐี ร้อนสูง ประหยัดถ่าน ทนทาน ช่วยประหยัดเงิน  วันนี้ พพ. ขอนำเสนอ เตาหุงต้มประสิทธิภาพสูง หรือ “เตาซุปเปอร์อั้งโล่” ซึ่งเป็นเตาที่พัฒนาขึ้นมาทดแทนเตาอั้งโล่ตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งมีประสิทธิภาพเชิงความร้อนมากกว่าเตาอั้งโล่ตามท้องตลาดถึง 29% ถ้าหากตามบ้านเรือนหันมาใช้เตามหาเศรษฐีจะสามารถประหยัดไม้ ฟืนและถ่านที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ถึง 500-600 บาท/ครัวเรือน/ปี และช่วยลดการใช้แก๊ส LPG ในครัวเรือน

ลองมาดูคุณสมบัติเด่น ๆ ของเตามหาเศรษฐีกันบ้าง มีลักษณะเพรียวและน้ำหนักเบากว่า ให้ความร้อนสูง อุณหภูมิกลางเตาประมาณ 1,000 – 1,200 องศาเซลเซียส
ประหยัดถ่านกว่าเตาอั้งโล่ท้องตลาด 30 – 40% วางภาชนะหุงต้ม(หม้อ) ได้ 9 ขนาด ตั้งแต่เบอร์ 16-32 ขณะหุงต้มไม่มีควันและก๊าซพิษเกิดขึ้นเนื่องจากเผาไหม้สมบูรณ์
อายุการใช้งานเฉลี่ยมากกว่า 2 ปี"

อย่างไรก็ตาม โพสต์ดังกล่าวมียอดแชร์กว่า 7,000 ครั้ง มีชาวเน็ตแห่คอมเมนต์เพียบ เช่น มลพิษ 2.5 มาไหม , กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานแห่งชาติ สนับสนุนการใช้เตาถ่าน , ตัดต้นไม้ทุกต้นมาทำถ่านเร็วววพวกเรา , สมแล้วกับตำแหน่งที่ได้ไป ได้ผ่านการกลั่นกรองมาเเล้วเป็นอย่างดีแน่นอน คุ้มค่าภาษีทุกบาทที่เสียในแต่ละปีจริงๆ , ดีจริง เราจะมีPM2.5ผลิตเองในครัวเรือน เป็นต้น