"ไทยสร้างไทย" คึกคัก เปิดตัว 6 ผู้สมัคร กทม. ได้คนรุ่นใหญ่ อดีตประธานสภา กทม. บวก คนรุ่นใหม่ไฟแรง ร่วมทัพ มีประสบการณ์ มีความสามารถร่วมงานเพียบ ประกาศเปลี่ยน กทม. เป็นมหานครแห่งความสุข มหานครทางเศรษฐกิจ มั่นใจปักธง กทม.ได้แน่ 

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566  คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี  พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ รองหัวหน้าพรรค น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย นายสุธา ชันแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์บริหารพื้นที่ ภาค กทม. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ผอ.ศูนย์ ปราบโกง แถลงข่าวเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคไทยสร้างไทยเพิ่มอีก 6คนประกอบด้วย 

1. ดร.ธวัชชัย ปิยนนทยา อดีตประธานสภา กทม. ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตสาธร เขต 2
2. นายรัตนมงคล เลิศทวีวิทย์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. เขตดินแดง เขต 5
3. นายสุวงศ์ จินตรักษ์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตลาดพร้าว-วังทองหลาง เขต 8
4. ว่าที่ร.ต.หญิง นุชนาฎ หุ่นอยู่ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตลาดกระบัง เขต 18
5. นางนิธิสนี กลิ่นพันธหรัญ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตภาษีเจริญ-บางกอกใหญ่ เขต 22
6. ดร.อมรศักดิ์ สินเหลือ  ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ เขต 24

นายสุธา เปิดเผยว่า ในส่วนของพื้นที่ กทม.เปิดตัวผู้สมัคร เพิ่ม6คน โดยก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวมาแล้ว17คน ซึ่งทุกคน เป็นคนที่มีดีเอ็นเอตรงกับพรรค เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ มุ่งมั่นที่จะทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนคนกรุงเทพมหานคร โดยหลายคนมีประสบการณ์ทางการเมือง รวมถึงมีประสบการณ์ในภาคธุรกิจ และหลายคนคลุกคลีกับพี่น้องในพื้นที่ พี่น้องในชุมชน ที่ตนเองลงสมัครรับเลือกตั้ง เชื่อว่าจะเป็นทางเลือกของพี่น้อง กทม. 

ด้าน คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยว่า เราได้สมาชิกมาร่วมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพรรค และจะเปิดตัวผู้สมัคร ในส่วนของ กทม. ทั้งหมดในเวลาอันใกล้นี้ เราได้คนมีประสบการณ์ เช่น ดร.ธวัชชัย ปิยนนทยา ซึ่งอยู่พื้นที่สาธร ทำงานมาอย่างยาวนาน เป็นรุ่นใหญ่แต่มีความทันสมัย เป็นถึงอดีตประธานสภากรุงเทพมหานคร ดูแลพื้นที่ไม่เคยห่างหาย ผลงานปรากฎมากมาย ไทยสร้างไทยพร้อมและเอาจริงเอาจังในพื้นที่กรุงเทพฯ วันนี้ดีใจได้รุ่นใหญ่หัวใจใหม่มาร่วมงาน ซึ่ง ดร.ธวัชชัย จะช่วยดูแลพื้นที่กทม.และจะใช้ประสบการณ์ในการสนับสนุน ผู้สมัครในพื้นที่ กทม.ของพรรคได้

ส่วนนายรัตนมงคล เลิศทวีวิทย์ ผู้สมัคร เขตดินแดง ทำงานรับใช้พี่น้องชาวดินแดงมานานนับปีแม้จะยังไม่มีตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งถือเป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรง โดยพร้อมจะทุ่มเทแรงกายแรงใจความมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน เพื่อการเปลี่ยนแปลงดินแดง 

นายสุวงศ์ จินตรักษ์ ผู้สมัคร เขตลาดพร้าว เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ และพร้อมจะเข้ามาแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งมีลักษณะพิเศษ เพราะมีหมู่บ้านจำนวนมาก ที่เป็นของเอกชนไม่สามารถเข้าไปบริหารจัดการได้ ทั้งเรื่องไฟส่องสว่าง ท่อระบายน้ำ โดยพรรคมีทีมงาน จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการปรับแก้ไขกฎหมายให้เอื้อต่อการเข้าไปทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน

หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยกล่าวต่อด้วยว่า ในส่วนของ ว่าที่ร.ต.หญิง นุชนาฎ หุ่นอยู่ ผู้สมัคร เขตลาดกระบัง รู้ปัญหาในพื้นที่เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการขยายของชุมชน กับผู้ที่เป็นคนดั้งเดิมในพื้นที่ จะขอใช้ประสบการณ์ทางการเมือง ในฐานะอดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตลาดกระบัง เข้าไปแก้ไขปัญหา ที่อดีตส.ส.ที่ผ่านมาหลายสมัย ไม่สามารถแก้ไขได้ ให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ทั้งระบบสาธารณูปโภค และปัญหาน้ำท่วม

เช่นเดียวกับ นางนิธิสนี กลิ่นพันธหรัญ ผู้สมัคร ส.ส.เขต ภาษีเจริญ บางกอกใหญ่ ประกาศตัวว่าจะเข้าไปเปลี่ยนแปลง ภาษีเจริญ และบางกอกใหญ่ เพราะเป็นผู้มีประสบการณ์ ทำงานในพื้นที่มายาวนาน 

ดร.อมรศักดิ์ สินเหลือ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ เป็นคนรุ่นใหม่มีความคิดดี 
ซึ่งถือเป็นพื้นที่ชายขอบกรุงเทพมหานคร แต่พี่น้องประชาชนไม่สามารถทำมาหากินได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากติดกฎหมาย กฎระเบียบ ไม่สามารถโตได้ แต่วันนี้เราได้คนมี ความรู้ความสามารถนั่นคือ ดร.อมรศักดิ์ จะเข้ามาช่วยงานพี่น้อง ขจัดปัญหาเหล่านี้ตามนโยบายของพรรคที่ได้ประกาศไป

ทั้งนี้ ผู้สมัครของเราทั้งหมด จะช่วยกันสร้างให้กรุงเทพมหานคร เป็นมหานครแห่งความสุข มหานครแห่งความอบอุ่นและ เป็นมหานครแห่งเศรษฐกิจต่อไป

ด้านนายสุพันธุ์ ระบุว่า ผู้สมัคร ของพรรคไทยสร้างไทย มุ่งมั่นที่จะช่วยพลักดันเศรษฐกิจ จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น น.ต.ศิธา ระบุว่า พรรคไทยสร้างไทย ตั้งมาเริ่มมีอุดมการณ์ชัดเจน โดยเฉพาะการยึดหลักการประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีประชาชนเป็นที่ตั้ง เครื่องพรรคได้รวบรวมคนทุกรุ่นทุกกลุ่มที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามาทำงานร่วมกัน จึงมั่นใจว่าพรรคไทยสร้างไทยจะเป็นที่พึ่งที่หวังให้กับประชาชนได้ 

น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุว่า พรรคมีเป้าหมาย ในการสร้างประชาธิปไตย โดยเฉพาะความตั้งใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริง  ขณะที่ พ.ต.ท.กุลธน แสดงความมั่นใจว่าจะสามารถปักธงในพื้นที่ กรุงเทพมหานครได้เป็นจำนวนมาก 

"สุดารัตน์" ยันดีลรวมพรรคล่มเหตุไม่เชื่อใจยังสนับสนุนเผด็จการ

คุณหญิงสุดารัตน์  กล่าวถึงการแบ่งเขตเลือกตั้ง ของ กกต. ว่า ขณะนี้พรรคไทยสร้างไทยพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้ง และได้วางตัวผู้สมัคร และคนที่จะดูแลในแต่ละเขตแล้ว ตอนนี้เหลือเพียง 2 จังหวัด ที่กำลังสรรหาตัวผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสม คาดว่า ภายในสัปดาห์นี้ทุกอย่างจะเรียบร้อย ขณะเดียวกันเชื่อว่า นโยบายจะได้ใจประชาชน เพราะเตรียมมาตุงกระเป๋า

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังยอมรับว่า รู้สึกกังวลที่ กกต. จะแยกพื้นที่เขตเลือกตั้งบางเขตออกและตอนนี้กำลังปวดหัว ต้องสู้กับการใช้อิทธิพลของผู้มีอำนาจ ที่จะแบ่งเขตให้บิดเบี้ยว เพื่อให้ได้เปรียบทางการเมือง ซึ่งไทยสร้างไทยเตรียมที่จะร้อง กกต. หลายเขต ยกตัวอย่างบางจังหวัดไม่เพิ่มหรือลดเขต แต่ไปเปลี่ยนเขตโดยไม่มีเหตุผล แต่พยายามแบ่งเพื่อให้พวกของตนเองได้เปรียบมากที่สุด นี่คือความสกปรกของการใช้อำนาจรัฐมาทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมตั้งแต่ก้าวแรก และจะเป็นการเลือกตั้งที่คาดเดาได้เลยว่า จะใช้เงินมากที่สุดตั้งแต่มีการเลือกตั้งมา ขอประชาชนอย่ายอมรับกับความสกปรกเหล่านี้

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังยืนยันว่า พรรคพร้อมที่จะชิงชัยในสนามเลือกตั้งแม้จะมีผู้สมัครตนหน้าใหม่ เพราะเป็นคนในพื้นที่ จึงไม่กังวลที่จะต่อสู้กับพรรคอื่น และสิ่งที่จะใช้เป็นกลยุทธ์ไปสู่ชัยชนะ คือ เป็นพรรคที่ส่งเสริมประชาธิปไตย และจะมีโอกาส ไม่สร้างภาระ ไม่สร้างวิกฤติให้กับประเทศและประชาชน เพราะหากเลือกอีกฝั่งก็ติดล็อก อีกฝั่งก็ติดหล่ม แบบนี้ก็วนเวียนอยู่จุดเดิม ไทยสร้างไทยจึงขอเสนอตัวเป็นทางเลือก

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังชี้แจงกรณีที่มีข่าวดีลกัลพรรคสร้างอนาคตไทยไม่ได้ล่ม แต่ส่งให้นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย นำทางไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐก่อน หลังจากเลือกตั้งไทยสร้างไทยก็จะไปจับมือกับพลังประชารัฐต่อ โดยตอบด้วยเสียงหนักแน่น ว่า ไม่มี พร้อมย้ำว่า ทั้ง 2 คน อยู่คนละพรรค ตอนที่เจรจาเพื่อที่จะร่วมเป็นพันธมิตร จะร่วมมือกันเพื่อเดินหน้าไม่เอาเผด็จการตามจุดยืนของพรรคไทยสร้างไทย หากสร้างอนาคตไทยเห็นด้วยก็พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรกันได้ ส่วนจะมาทำงานและรวมพรรคกัน ก็ยังอยู่ระหว่างหารือกัน แต่ท้ายที่สุดก็กลับลำไปอยู่กับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรคพลังประชารัฐ จึงพิสูจน์ให้เห็นชัดว่า ไปต่อด้วยกันไม่ได้

"เราและพรรคสร้างอนาคตไทย ไม่ใช่พรรคเดียวกัน ดีลต่างๆ ที่มาบอกว่าจะดีลนู่น ดีลนี่ ไม่มี และไม่ทราบว่าใครฝันไป แต่มันไม่เกิดขึ้น และตัวเองกับทั้ง 2 คน ก็ไม่ได้คุยกันหลังจากวันแถลงข่าวร่วม และเห็นท่าทีว่า ความคิดเห็นไม่สอดคล้องกัน ไม่สามารถมาร่วมเป็นพรรคเดียวกันได้ จึงขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ไม่มีตามไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐแน่ แต่อาจมีคนหวังดีประสงค์ร้ายปล่อยข่าวแน่"