วันเสาร์ ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2568 02:22 น.

การเมือง

เปิด MOU 13 ข้อพรรคก้าวไกล ส่งให้พรรคร่ามไร้เงาแก้ม.112

วันอาทิตย์ ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566, 21.17 น.

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2566   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก "พรรคก้าวไกล" ได้โพสต์ข้อความว่า ประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ภายใต้รัฐบาลก้าวไกล? MOU คืออะไร?  พรรคก้าวไกล ยืนยันมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ว่าการจัดตั้งและร่วมรัฐบาลระหว่างพรรคการเมืองควรต้องเอาวาระหรือนโยบายเป็นตัวตั้งไม่ใช่กระทรวงหรือตำแหน่งเป็นตัวตั้ง

ในฐานะพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจเป็นอันดับหนึ่ง เราได้เดินหน้าเพื่อเป้าหมายในการจัดตั้งรัฐบาลกับ 8 พรรคการเมือง (รวมทั้งหมด 313 คน) ที่เราเชื่อว่า มีอุดมการณ์และมุมมองต่ออนาคตประเทศไทยที่อยากเห็น ที่สอดคล้องกันในภาพรวม

ในเมื่อรัฐบาลก้าวไกลเป็นรัฐบาลผสม ที่ประกอบไปด้วยหลายพรรคการเมือง เราจำเป็นต้องเคารพความเห็นที่แตกต่างเชิงนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลอื่น โดยคำนึงถึงความไว้วางใจที่พรรคการเมืองเหล่านี้ได้รับจากประชาชนมาผ่านคูหาเลือกตั้งเช่นกัน

ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนได้รับความชัดเจนว่ารัฐบาลผสม ที่นำโดยพรรคก้าวไกลจะผลักดันวาระอะไรบ้าง เราแบ่งวาระออกเป็น 2 ส่วน

1. วาระ “ร่วม” ของทุกพรรคร่วมรัฐบาล (ระบุใน MOU)

วาระและนโยบายที่ทุกพรรคเห็นตรงกัน พร้อมผลักดันร่วมกันผ่านกลไกบริหารและนิติบัญญัติ และพร้อมรับผิดชอบร่วมกัน

2. วาระ “เฉพาะ” ของแต่ละพรรคการเมือง (ไม่ถูกระบุใน MOU)

วาระและนโยบายที่แต่ละพรรคขับเคลื่อนเอง เพิ่มเติมจาก (แต่ต้องไม่ขัดแย้งกับ) นโยบายใน MOU ผ่าน 2 กลไกหลัก

2.1. ผลักดันผ่านกลไกบริหารของกระทรวงที่พรรคมีตัวแทนเป็นรัฐมนตรี

เช่น (หากพรรคก้าวไกลบริหารกระทรวงศึกษาธิการ) นโยบายการศึกษานอกเหนือจากใน MOU ที่อยู่ในขอบเขตอำนาจของรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ

2.2. ผลักดันผ่านกลไกนิติบัญญัติของระบบรัฐสภาโดยผู้แทนราษฎรของพรรค เช่น กฎหมาย 45 ฉบับที่พรรคพร้อมเสนอสู่สภาทันทีที่สภาเปิด ไม่ว่าจะปรากฎอยู่ใน MOU หรือไม่

พรรคก้าวไกล เรายืนยันว่าจะพยายามเต็มที่ในการผลักดัน 300 นโยบายก้าวไกล ที่เราสื่อสารกับประชาชนก่อนเลือกตั้งให้สำเร็จ โดยการพยายามบรรจุนโยบายเข้าไปใน วาระ “ร่วม” หรือ MOU ให้ได้เยอะที่สุด ในขณะที่นโยบายอะไรที่ไม่ถูกบรรจุใน MOU เราจะผลักดันต่อผ่านกระทรวงที่พรรคก้าวไกลบริหารและผ่านจำนวนผู้แทนราษฎร 152 คน ที่เรามีในสภาผู้แทนราษฎร

แม้กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลลักษณะนี้ อาจเป็นสิ่งใหม่สำหรับสังคมไทย แต่พรรคก้าวไกลเชื่อว่ากระบวนการดังกล่าวที่อ้างอิงจากหลายประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทั่วโลก จะเป็นกระบวนการที่สร้างบรรทัดฐานใหม่ในประเทศ ที่ยกระดับความมั่นใจของประชาชนต่อระบบการเมืองไทย และเพิ่มความชัดเจนกับประชาชนว่าในบริบทของรัฐบาลผสมที่ประกอบไปด้วยหลายพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาด้วยนโยบายที่ทั้งมีจุดร่วมและจุดต่างกัน รัฐบาลผสมนี้จะร่วมผลักดันและรับผิดชอบวาระอะไรเพื่อประชาชน

ฝากทุกท่านติดตามการแถลงข่าวตั้งรัฐบาลและการเปิดรายละเอียด MOU ที่ทุกพรรคร่วมลงนามกันได้ในวันพรุ่งนี้ (22 พฤษภาคม) เวลา 16.30 น.

อย่างไรก็ตามเบื้องลึกของ ร่าง MOU ของพรรคก้าวไกล  ถึงพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ รัฐบาลของประชาชน  ก่อนมีการแถลงร่วมลงนามในร่างเอ็มโอยูกับพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ อย่างเป็นทางการ  ในวันที่  22 พฤษภาคม 2566 นี้  13 ประเด็น คือ 1. แก้ไขรัฐธรรมนูญ  2. คืนความยุติธรรมผู้ได้รับผกระทบจากการรัฐประหาร  3. กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น 4. ปฏิรูปกองทัพ 5. ยกเลิกผูกขาดอุตสาหกรรมสุรา  6. สมรสเท่าเทียม  7 . ยกเลิกเกณฑ์ทหาร  8. ปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ  9. นิรโทษกรรม(ยกเว้นคอร์รัปชั่น-อันตรายถึงชีวิต)  10.แก้ปัญหาค่าครองชีพ(ไฟฟ้า)  11. จัดงบปรมาณแบบใหม่ (ฐานศูนย์) 12. เพิ่มสวัสดิการเด็ก-ผู้สูงอายุ 13. สร้างรัฐโปร่งใส 

ตามข้อเสนอ 13 ทั้งประเด็นดังกล่าว ไม่มีเกี่ยวกับ การแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112  ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขสำคัญที่  พรรคร่วมรัฐบาลใหม่ รวมถึง สมาชิกวุฒิสภา 250 เสียง ไม่สนับสนุน

ขณะที่นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ระบุว่า “ผลการพูดคุยเพื่อจัดทำ MOU ร่วมกันในวันนี้ บรรลุผลไปได้ด้วยดีครับ พรรคก้าวไกลต้องขอขอบคุณหัวหน้าพรรคและแกนนำของทุกพรรคที่เราจะจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยโดยยึดเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง พรุ่งนี้พวกเราจะแถลง MOU ในเวลาเดียวกันกับการประกาศ รปห เมื่อ 9 ปีก่อน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 22 พ.ค. พรรคก้าวไกลจะนำพรรคร่วมรัฐบาลแถลงข่าวและลงนามข้อตกลงร่วม (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาล เวลา 16.30 น. ที่ห้องบอลรูม โรงแรมคอนราด กทม.

หน้าแรก » การเมือง