การเมือง
Soft Power คือ ยุทธศาสตร์ใหญ่ที่จะทำให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ดร.หญิง ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวความว่า Soft Power คือ ยุทธศาสตร์ใหญ่ที่จะทำให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง
เกิดดราม่ามากมายกับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล ประหนึ่งว่าฟ้าจะถล่มดินจะทลาย ประเทศจะพังพินาศในช่วงข้ามคืน ท่ามกลางเสียงค่อนแคะมากมายว่า “อะไรๆก็ซอฟต์พาวเวอร์” คิดอะไรไม่ออกก็ซอฟต์พาวเวอร์ จนพากันบ่นว่า รัฐบาลนี้ใช้คำว่า ซอฟต์พาวเวอร์กันจนเกร่อไปหมด บ้างก็ไปจนถึงขนาดดูถูกว่ารัฐบาลนี้ “ไม่รู้จักคำว่าซอฟต์พาวเวอร์หรอก”
หญิงเห็นคำค่อนแคะนี้มาซักพักเลยรู้สึกว่า ต้องคงเขียนบทความอธิบายเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ให้เข้าใจตรงกัน จะได้เลิกพร่ำเพ้อพรรณนา เป็นตำรวจตรวจนิยามของ ซอฟต์พาวเวอร์ กันเสียที
นิยาม ซอฟต์พาวเวอร์ (อีกแล้ว)
Soft Power หมายถึง ภาวะที่เรามีอำนาจหรือใช้อำนาจให้ผู้อื่นทำตามในสิ่งที่เราต้องการโดยไม่ใช้วิธีการบังคับ นี่คือนิยามของ Joseph Nye นักวิชาการรัฐศาสตร์ด้านการระหว่างประเทศ ดังนั้น การที่รัฐบาลพยายามขายของและสร้างอิทธิพลให้ชาติอื่นมาซื้อของเรา กินของเรา เที่ยวบ้านเรา หรือนิยมชมชอบในสิ่งที่เรามีเราเป็น โดยไม่ใช่กำลังบังคับนั้น คือ การประยุกต์เอาทฤษฎีซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเป็นทฤษฎีด้านการเมืองระหว่างประเทศ มาสร้างประโยชน์สูงสุดในทางเศรษฐกิจให้กับประเทศนั่นเอง โอเคนะ
และเมื่อเราพูดถึง ซอฟต์พาวเวอร์ เราจำเป็นต้องมองอย่างน้อย 2 เรื่องหลักๆ (ซึ่งจริงๆแล้วมีมากกว่านั้น) นั่นก็คือ (1) ทรัพยากรในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ และ (2) ยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์
ทรัพยากรในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์
“โอ้ยอะไรก็ซอฟต์พาวเวอร์ นั่นก็ซอฟต์พาวเวอร์ นี่ก็ซอฟต์พาวเวอร์” เป็นคำพร่ำบ่นจากหลายคนที่ต่อต้านหรือดูแคลนนโยบายนี้อย่างแข็งขัน และจะหงุดหงิดในทุกครั้งที่รัฐบาลกล่าวถึง สินค้าสร้างสรรค์หรือวัฒนธรรมต่างๆ ว่าเป็น ซอฟต์พาวเวอร์
แน่นอนว่า รัฐบาลไม่ได้หมายความโดยตรงว่า สินค้าสร้างสรรค์หรือวัฒนธรรมนั้นเป็น ซอฟต์พาวเวอร์ด้วยตัวมันเอง เพราะ ซอฟต์พาวเวอร์คือ “ภาวะทางอำนาจที่เรามีอิทธิพลเหนือผู้อื่น” ไม่ใช่สินค้า แต่การที่รัฐบาลบอกว่า สิ่งต่างๆเป็นซอฟต์พาวเวอร์นั้น หมายถึงว่า สินค้าสร้างสรรค์หรือวัฒนธรรมนั้นคือ “ทรัพยากรในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์” (Soft Power Resource)
เราไม่มีทางที่จะสร้างความนิยมชมชอบในสายตาต่างประเทศได้เลย หากเราไร้ซึ่งทรัพยากรที่จะทำให้ต่างชาตินิยมเรา ซึ่งสินค้าสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ ดนตรี ศิลปะ หรือแม้กระทั่งวัฒนธรรม เช่น ลอยกระทง สงกรานต์ และอื่นๆ สิ่งเหล่านี้ถือเป็น “วัตถุดิบ” สำคัญที่เป็นองค์ประกอบในการสร้างภาวะทางอำนาจที่เรามีอิทธิพลเหนือผู้อื่น หรือ ซอฟต์พาวเวอร์นั่นเอง
สรุปคือ สงกรานต์ ลอยกระทง ภาพยนตร์สัปเหร่อ ไม่ได้เป็นซอฟต์พาวเวอร์โดยตัวเอง หากแต่เป็น “ทรัพยากรในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์” นี่ต่างหากคือ สิ่งที่รัฐบาลหมายถึง
ยิ่งไปกว่านั้น สินค้าสร้างสรรค์หรือวัฒนธรรม ยังถือเป็น “พาหนะ” ที่จะบรรจุชุดคุณค่าแบบไทยที่หลากหลายออกไปสู่สายตาต่างชาติ เช่น ภาพยนตร์เรื่ององค์บาก ที่บรรจุคุณค่าการต่อสู้หรือมวยไทยเอาไว้อย่างชัดเจน ดังนั้น การที่ต่างชาตินิยมชมชอบภาพยนตร์เรื่ององค์บาก เขาไม่ได้นิยมตัวภาพยนตร์เท่านั้น หากแต่นิยมชมชอบในมวยไทยด้วย และนำไปสู่การนิยมชมชอบถึงความเป็นนักสู้และคุณค่าของศิลปะการต่อสู้แบบไทย เป็นต้น
ดังนั้น สินค้าสร้างสรรค์หรือวัฒนธรรม จึงเป็นทั้ง “ทรัพยากรในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์” และเป็น “พาหนะบรรจุชุดคุณค่าแบบไทย” เพื่อให้คนทั่วโลกที่พบเห็นรู้สึกนิยมชมชอบ จนไปถึงอยากมีอยากเป็นอยากทำแบบคนไทย และสิ่งนี้แหล่ะ ที่เราเรียกมันว่า ซอฟต์พาวเวอร์
จึงไม่แปลกที่ว่า เวลาเรามองไปทางไหน เราก็จะเห็นทรัพยากรที่อยู่รอบตัวเรา ตั้งแต่ประเพณีวิ่งควาย แข่งวัวลาน สงกรานต์ ลอยกระทง ดนตรี T-Pop ภาพยนตร์ไทย อาหารไทย มวยไทย หรืออื่นๆ มีศักยภาพพอที่จะสร้างซอฟต์พาวเวอร์ได้ เพราะ “ทุกอย่างเป็นทรัพยากรซอฟต์พาวเวอร์” ได้หากเรารู้จักใช้มัน จึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมรัฐบาลจึงใช้คำว่า ซอฟต์พาวเวอร์บ่อยครั้ง เพราะรัฐบาลมองเห็นศักยภาพของทรัพยากรรอบตัวเหล่านี้
ซอฟต์พาวเวอร์ ในฐานะยุทธศาสตร์ใหญ่ของประเทศ
เมื่อรัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญและศักยภาพของทรัพยากรรอบตัวแล้ว การที่จะปลุกปั้นให้ทรัพยากรเหล่านี้เปล่งศักยภาพได้อย่างเต็มที่จนทำให้ต่างชาตินิยมชมชอบ กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ได้นั้น จะต้องมีการวางแผนและบริหารจัดการทรัพยากรอย่างเป็นระบบ จึงจำเป็นต้องมี “ยุทธศาสตร์” ในการกำหนดทิศทางภาพใหญ่ให้มีการใช้ทรัพยากรเหล่านี้ไปในทางเดียวกันและบรรลุเป้าหมายร่วมกัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่รัฐบาลต้องแต่งตั้ง “คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ” ขึ้น โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และคุณแพทองธารเป็นรองประธาน
เพราะ ซอฟต์พาวเวอร์อยู่ในฐานะยุทธศาสตร์ของประเทศไทย ซึ่งยุทธศาสตร์ด้านซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาลเพื่อไทยนั้น ไม่ได้หวังจะสร้างให้ประเทศไทยเป็นถึงมหาอำนาจที่มีอิทธิพลครองโลก อย่าง สหรัฐ หรือ จีน แต่เพื่อไทยแยบยลกว่านั้น เราเลือกที่จะประยุกต์ทฤษฎีด้านการระหว่างประเทศมาเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ดังนั้น เป้าหมายของยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แบบฉบับเพื่อไทย คือ เพื่อทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง กลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูง ในที่สุด
เมื่อรัฐบาลกำหนดเป้าหมายว่าจะพาประเทศไทยเป็นประเทศรายได้สูง รัฐบาลจึงหันกลับมาบริหารจัดการทรัพยากรในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ ว่ามีอะไรที่เป็นประโยชน์ได้บ้าง รัฐบาลต้องไปส่งเสริมพัฒนาในด้านใดบ้างเพื่อเสริมแกร่งศักยภาพทรัพยากรเหล่านี้ให้สร้างซอฟต์พาวเวอร์ และนั่นจึงเป็นที่มาของ นโยบายคู่แฝด OFOS-THACCA
นโยบายคู่แฝด OFOS - THACCA
OFOS (One Family One Soft Power) หรือ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์นั้น คือ นโยบายใหญ่ที่ออกแบบมาเพิ่มยกระดับทักษะของคนไทยทั้งประเทศอย่างน้อยครอบครัวละ 1 คน หรือกว่า 20 ล้านคน จาก 20 ล้านครัวเรือน เพราะหากรัฐบาลจะพัฒนาทรัพยากรใดที่มีศักยภาพต่อซอฟต์พาวเวอร์มากที่สุด รัฐบาลก็ต้องลงทุนใน “ทรัพยากรมนุษย์” เพราะ คนไทยจะเป็นคนที่ไปสร้างสินค้าสร้างสรรค์หรือวัฒนธรรมอื่นๆ ซึ่งเป็นทรัพยากรในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ต่ออีกทอดหนึ่ง
รัฐบาลจึงเตรียมจะ Upskill และ Reskill คนไทยทั้งประเทศขนานใหญ่ ผ่านศูนย์บ่มเพาะสร้างสรรค์ และระบบการศึกษารูปแบบใหม่ที่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ในทุกสาขา ไม่ว่าจะเป็นด้านดนตรี ศิลปะ อาหาร ภาษา กีฬา และอื่นๆ โดยหวังว่า หากเราสามารถยกระดับทักษะคนไทยทั้งประเทศได้แล้ว คนไทยอย่างนี้ 1 ใน 3 ของประเทศ จะเป็นแรงงานทักษะที่มีศักยภาพสูงในการสร้างทรัพยากรด้านซอฟต์พาวเวอร์ต่อไป
นอกจาก OFOS แล้ว เรายังมีนโยบายคู่แฝด คือ นโยบาย THACCA หรือ Thailand Creative Content Agency เพื่อทำหน้าที่สร้างและเสริมแกร่งให้กับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรด้านซอฟต์พาวเวอร์ทั้งหมด เพราะหากเราบ่มเพาะสร้างแรงงานทักษะสูงมา 20 ล้านคน แต่ไม่มีอุตสาหกรรมรองรับ ก็เท่ากับว่าประเทศไทยจะมีคนตกงาน 20 ล้านคน รัฐบาลจึงต้องสร้างงานขนานใหญ่ 20 ล้านตำแหน่งขึ้นมา
อุตสาหกรรมเหล่านี้นอกจากจะทำหน้าที่รองรับแรงงานทักษะสูงไม่ให้ตกงานแล้ว ยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาสินค้าสร้างสรรค์และวัฒนธรรมให้แข็งแรงก่อนที่จะส่งออกไปยังสายตาผู้คนทั่วโลก
เช่น หากอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยแข็งแกร่ง เราก็จะมีภาพยนตร์ไทยดีๆจำนวนมากที่บรรจุชุดคุณค่าแบบไทย (ตามความนิยามของแต่ละคน) ไปเผยแพร่ยังต่างประเทศ หรือหากเรามีอุตสาหกรรมอาหารที่แข็งแกร่ง เราก็มีการร้านอาหารไทยในต่างประเทศที่อร่อยๆจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วโลก
ซึ่งร้านอาหารไทยเหล่านี้จะกลายเป็น “ทูตทางวัฒนธรรม” ชั้นดีของประเทศ ที่จะเผยแพร่ รสชาติแบบไทย ความอร่อยแบบไทย และทำให้คนต่างชาติอยากกิน อยากลิ้มลอง อยากทำอาหารไทย และนี่คือ ซอฟต์พาวเวอร์
ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องประสานสอดคล้องกับนโยบายด้านการต่างประเทศเป็นอย่างดี ทั้งนโยบายต่างประเทศเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ทั่วโลกชื่นชม และนโยบายต่างประเทศเพื่อเศรษฐกิจที่จะส่งออกแรงงานไทย ส่งออกหนังไทย ส่งออกภาษาไทย ส่งออกสินค้าไทย ส่งออกร้านอาหารไทย และอื่นๆ เพื่อหว่านเสน่ห์ใส่คนทั่วโลกให้หลงรักและนิยมชมชอบในความเป็นไทย
มหายุทธศาสตร์ที่จะเปลี่ยนประเทศไทยไปตลอดกาล
สรุปก็คือ ซอฟต์พาวเวอร์สำหรับรัฐบาลเพื่อไทย จึงไม่แค่สักแต่ว่าขายสินค้าทางวัฒนธรรมอย่างที่นักวิชาการและสื่อหลายคนเข้าใจเท่านั้น แต่ซอฟต์พาวเวอร์สำหรับเพื่อไทย คือ “มหายุทธศาสตร์” ที่จะทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลก เพื่อยกระดับฝีมือคนไทยอย่างน้อย 1 ใน 3 ของประเทศให้เป็นแรงงานทักษะสูง
เมื่อคนไทยมีทักษะสูงก็ย่อมมีรายได้ที่สูงตามมา และหากทุกอย่างเป็นไปตามยุทธศาสตร์นี้ “ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศรายได้สูง” โดยใช้เม็ดเงินที่คนทั่วโลกยอมจ่ายเพราะความนิยมชมชอบ หลงใหล อยากมี อยากได้ อยากเป็นแบบคนไทย เป็นตัวสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยในระยะยาว
นี่คือ มหายุทธศาสตร์ที่จะทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วโลก
นี่คือ มหายุทธศาสตร์ที่จะทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง สู่การเป็นประเทศรายได้สูง
และนี่คือ มหายุทธศาสตร์ที่จะเปลี่ยนประเทศไทยไปตลอดกาล
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- สว. ลงพื้นที่อุบลฯ มอบกำลังใจชาวบ้าน "กระสุนตก" หลังปะทะเดือดชายแดน 3 ส.ค. 2568
- "เอกนัฏ" ปิดโรงงานเถื่อนใช้ขยะพลาสติกจากบ่อขยะทำเม็ดพลาสติก ส่งขายบริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์ 3 ส.ค. 2568
- แม่ทัพภาคที่ 2 ประชุม 20 ผู้ว่าฯอีสาน สั่งเข้มมาตรการกำจัดโดรน 3 ส.ค. 2568
- "ธีรรัตน์" เป็นผู้แทนคณะรัฐมนตรี ร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ จ่าสิบเอก อโณทัย ป้องแก้ว 3 ส.ค. 2568
- "วราวุธ" นำทีม พม. มอบกายอุปกรณ์ช่วยเหลือคนพิการจังหวัดร้อยเอ็ด โครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 3 ส.ค. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
“ดร.นิยม” ร่วมไว้อาลัยอดีตนายอำเภอวาริชภูมิ แสดงความอาลัยแด่ครอบครัวผู้วายชนม์ 21:56 น.
- กองทัพบกยืนยัน "ไม่ได้ถอย" จากปราสาทตาควาย ชี้เป็นยุทธวิธีการรบ 21:15 น.
- กองทัพอากาศแจ้งพบโดรนลอบบินสำรวจฐานทัพ-หน่วยงานรัฐ เข้าข่าย "จารกรรม" โทษสูงสุดถึงประหาร 21:07 น.
- "วราวุธ" กำชับ ทีม ศรส.-พม.บุรีรัมย์ ช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวทหารเสียชีวิต อยู่กระต๊อบ ไม่มีน้ำ-ไฟฟ้าใช้ 20:25 น.
- "ดร.วราภัสร์" ปธ.กมธ.การพัฒนาสังคมฯ นำคณะลงพื้นที่ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนสุรินทร์ 20:00 น.