วันเสาร์ ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2568 22:40 น.

การเมือง

 "โฆษก ปชป." มั่นใจ 9 ธ.ค.ได้หัวหน้าพรรคแน่  จ่อลุยเอาผิดหากพาดพิง "เฉลิมชัย" ปมหมูเถื่อน  มองทำประชามติเงียบสงสัยยื้อแก้ รธน. 

วันเสาร์ ที่ 02 ธันวาคม พ.ศ. 2566, 12.40 น.

เมื่อวันที่ 2  ธันวาคม 2566  นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงแนวทางการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในการประชุมใหญ่วิสามัญ ซึ่งจะจัดขึ้นที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ว่า ขณะนี้ทางสำนักงานเลขาธิการพรรค และรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรคได้มีการจัดเตรียมสถานที่ และกำหนดองค์ประชุมตามข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ ข้อที่ 81 และที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายพรรคการเมืองว่าจะต้องมีไม่น้อยกว่า 250 ท่าน แต่ในส่วนของข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการเตรียมองค์ประชุมไว้เบื้องต้น 346 คน และมีมติของรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรคที่ให้มีการกำหนดองค์ประชุมสำรองอีก 150 ท่าน ซึ่งจะเป็นบุคคลที่จะไปร่วมประชุมเป็นองค์ประชุมในการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อที่จะเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

โดยขั้นตอนการเลือกหัวหน้าพรรค ก็จะไปยุติในวันที่ 9 กล่าวคือ แม้ว่าขณะนี้จะมีความเคลื่อนไหวของสมาชิกพรรคที่ได้เปิดตัวกับพี่น้องสื่อมวลชนไปบ้างแล้ว และอาจจะมีสมาชิกพรรคท่านอื่นที่ยังไม่เปิดตัวต่อสาธารณะ ซึ่งสมาชิกพรรคทั้งที่มีการเปิดตัว และยังไม่ได้เปิดตัวต่อสาธารณะขณะนี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้แสดงเจตจำนงในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังไม่เรียกว่าเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรค เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการตามข้อบังคับพรรคก่อน ซึ่งในวันที่ 9 ธ.ค. เมื่อมีการเปิดประชุมแล้ว จะมีการการเข้าสู่ระเบียบวาระของการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ก็จะมีสมาชิกซึ่งเป็นองค์ประชุมเสนอชื่อของผู้แสดงเจตจำนง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งต่อที่ประชุม พร้อมกับจะต้องมีผู้รับรอง และเมื่อมีการตรวจสอบคุณสมบัติถูกต้อง ก็จะหมายความว่า ผู้แสดงเจตจำนงเหล่านั้น ก็จะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งหัวหน้าพรรค อย่างเป็นทางการ

“ผมมีความมั่นใจว่าในวันที่ 9 ธันวาคมที่จะถึงนี้ พรรคจะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ และเชื่อมั่นว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่จะนำพาพรรคก้าวเดินต่อไปในอนาคต และก็เชื่อมั่นด้วยความเป็นสถาบันทางการเมือง บุคคลที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องยึดหลักการของพรรคมุ่งมั่นฟื้นฟูพัฒนาพรรคให้เข้ากับสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และที่สำคัญที่สุดก็จะมาเป็นผู้นำในการทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนและประเทศ เป็นผู้นำพาพรรคให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาพรรคให้มีความยั่งยืนในอนาคตต่อไป” นายราเมศกล่าว

นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้หัวหน้าพรรคแล้ว ก็ยังทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนและประเทศ พร้อมกับจัดการบริหารพรรคควบคู่กันไป ตั้งแต่เรื่องการปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนาพรรคในเรื่องต่างๆ โดยเชื่อว่าคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะนำพาพรรคไปเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในวันข้างหน้าได้

จ่อลุยเอาผิดหากพาดพิง "เฉลิมชัย" ปมหมูเถื่อน
 
นายราเมศ กล่าวถึงประเด็นที่รัฐบาล และนายกฯ มีการจัดการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนว่า พรรคเห็นด้วยแต่เรียกร้องให้นายกฯ มีความจริงจัง จริงใจในการแก้ไข ต้องไม่ให้มีการเอื้อประโยชน์ให้กับใคร และต้องจัดการแก้ปัญหาอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความสงสัย โดยเฉพาะกรณีการโยกย้ายอธิบดี ดีเอสไอ นั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทางราชการ หรือเป็นประโยชน์ของใคร ซึ่งรัฐบาลยังไม่ออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด 

โดยโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงในสมัยที่ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการดำเนินการจัดการกับการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนอย่างจริงจัง นอกจากนี้ยังเคยให้สัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า ท่านไม่เคยรับเงินสกปรกโสโครกจากขบวนการเหล่านี้แม้แต่บาทเดียว ดังนั้นตนจะได้จับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากมีการกล่าวให้ร้าย หรือพาดพิงให้เกิดความเสียหาย ก็จะขอใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

มองทำประชามติเงียบสงสัยยื้อแก้ รธน. 
 
นายราเมศ  กล่าวว่า จากการที่ได้ติดตามการทำงานของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามตินั้น พบว่ามีความเคลื่อนไหวน้อยมาก พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการทอดเวลา ยื้อเวลา เพื่อไม่ให้มีการเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่รัฐบาลได้เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ 

นอกจากนี้ที่ผ่านมาในสภาผู้แทนราษฎร ได้เคยมีการศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องของรัฐธรรมนูญแล้วหลายครั้ง ตนจึงอยากเรียกร้องให้ คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ไปนำผลการศึกษามาใช้ประกอบการพิจารณา เพื่อให้ระยะเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความรวดเร็ว รอบคอบ อีกทั้งจำเป็นจะต้องมีการนำออกมาให้เกิดการถกเถียงในวงกว้าง อย่างกรณีที่มาของ สสร. ที่กำลังดำเนินการอย่างเงียบๆ ไม่เกิดการรับฟังความคิดเห็นอย่างกว้างขวางอย่างแท้จริง 

“รัฐบาลควรวางกรอบในการศึกษาเรื่องนี้ให้ชัดเจน ไม่ใช่ยื้อเวลาไปวันๆ ไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ซึ่งขณะนี้ก็ผ่านสมัยประชุมไปอีก 1 สมัยประชุมแล้ว รัฐบาลก็ต้องเร่งอธิบายกรอบระยะเวลา กระบวนการดำเนินการให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบด้วย ซึ่งเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญ หรือจะเป็นเรื่องการร่างใหม่ก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า เราพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่จะต้องไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2” นายราเมศ กล่าว 

พร้อมกับเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการยื่นแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญไปแล้ว 7 ฉบับ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบ หรือประสบความสำเร็จไป 1 ฉบับ ส่วนอีก 6 ฉบับนั้น พรรคก็จะได้ผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนผ่านกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญในอนาคตต่อไป 

นอกจากนี้ยังย้ำในตอนท้ายว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีมติส่งตัวแทนของพรรคเข้าไปนั่งในคณะกรรมการชุดดังกล่าว ขณะที่กระบวนการใดจะเกิดประโยชน์กับการดำเนินการ พรรคก็พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่ถ้าเรื่องไหนที่พรรคต้องมีการท้วงติง หรือเป็นเรื่องที่พรรคได้ทำมาตลอด ก็จำเป็นที่จะต้องสื่อสารไปยังคณะกรรมการชุดดังกล่าว เพื่อให้เกิดการเดินหน้าเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญได้อย่างแท้จริง

หน้าแรก » การเมือง