เลขาธิการพรรคพลังบูรพาวอนให้โอกาส รัฐมนตรีป้ายแดงทำงานช่วยรัฐบาล แก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน ชี้ ผลงานจะเป็นตัวพิสูจน์ฝีมือเอง วอน เลิกกดดัน เปลี่ยนตัว ประธานสภาฯ ปล่อยให้แต่ละฝ่ายได้ทำหน้าที่  

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567  นายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังบูรพา กล่าวถึงการปรับครม.เศรษฐา1/1ว่า ตอนนี้การปรับครม.ครั้งแรก ของรัฐบาลเศรษฐา สิ้นสุดลงแล้ว ประชาชนได้เห็นรัฐมนตรีคนใหม่ ได้เห็นประสบการณ์ทำงาน ประวัติการทำงาน การศึกษาของแต่ละคนแล้วว่าเป็นอย่างไร เป็นธรรมดาหลังการปรับครม. อาจมีทั้งชอบ-ไม่ชอบ เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย ถือเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อรัฐมนตรีได้เข้ามาทำหน้าที่ เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ฝีมือ ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อช่วยให้การทำงานของรัฐบาลดีขึ้น ดังนั้นหลายฝ่ายควรให้เวลารัฐบาล รัฐมนตรีที่เข้ามาใหม่ พิสูจน์ฝีมือ ส่วนรัฐมนตรีบางคน บางกระทรวง ที่แม้จะไม่ถูกใจนัก บางคนมีข้อครหา โดนกล่าวหา ขอให้ว่ากันไปตามกระบวนการ โดยผลงานของแต่ละคน จะเป็นบทพิสูจน์การทำงานเองว่าเป็นอย่างไร

แม้การปรับครม.จะจบลง แต่ยังมีความพยายามในการเข้ามาก้าวล่วงฝ่ายนิติบัญญัติ มีความพยายามกดดันตำแหน่งประธานสภาฯ ทั้งที่ควรจบได้แล้ว การปรับครม.เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร แต่กลับโดนนำไปเชื่อมโยงกับฝ่ายนิติบัญญัติอย่างต่อเนื่อง ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานรัฐสภา เปรียบเหมือนประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ได้รับการลงมติจากสส.ส่วนใหญ่ ที่ต่างเห็นพ้อง มีความเหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง มีระเบียบ มีวาระการดำรงตำแหน่งชัดเจน ผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าว เพื่อความเหมาะสม จึงต้องไม่มีตำแหน่งในพรรคการเมือง ก็เพื่อความเป็นกลาง 

เมื่อได้ประธานสภาฯ หากไม่เกิดอุบัติเหตุจำเป็นจริงๆ ตนไม่เคยเห็นการเปลี่ยนกลางคัน เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการบางฝ่าย การทำหน้าที่ของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ยังปฏิบัติหน้าที่ได้ดี ทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง ได้รับการยอมรับจากฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ไม่มีแรงกดดันให้มีการเปลี่ยนตัวผู้ดำรงตำแหน่งนี้ ดังนั้นความพยายามกดดันจากภายนอก ก็ควรที่จะหยุดเช่นเดียวกัน เพื่อให้การทำงานทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติได้ดำเนินไปตามกระบวนการอย่างที่ควรจะเป็น