การเมือง
"ดร.มหานิยม" เยี่ยมชมอโรคยาศาลวัดคำประมงสกลนคร สถานชีวาภิบาลต้นแบบแห่งแรกรับดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งฟรี
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

ดร.มหานิยม เวชกามา เข้ากราบนมัสการหลวงตาปพนพัชร์เยี่ยมชมอโรคยาศาล วัดคำประมงสกลนคร สถานชีวาภิบาลต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทยรับดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งฟรี ใช้หลักธรรมคำสอนสร้างสติศีลสมาธิบำบัดอาการป่วย
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2567 ดร.นิยม เวชกามา พรรคเพื่อไทย เขต 2 จ.สกลนคร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (คนที่1) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ฯพณฯ ภูมิธรรม เวชยชัย) เข้ากราบนมัสการและสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ปพนพัชร์ จิรธัมโม เจ้าอาวาสวัดคำประมง ตำบลบัวสว่าง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร โดยมีนายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล จังหวัดเชียงใหม่ มี่มาพำนักที่วัดคำประมงเนื่องจากพาภรรยามารักษาอาการป่วย จึงเชิญมาร่วมในวงเสวนาพร้อมเยี่ยมชมภายในอโรคยาศาล สถานชีวาภิบาลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง สวนสมุนไพรและพื้นที่โดยรอบบริเวณวัดคำประมงที่ร่มรื่นและเป็นระเบียบเรียบร้อย
วัดคำประมงใช้การรักษาโรคมะเร็งตามแนวทางอโรคยศาลการแพทย์แผนไทยรักษาด้วยยาสมุนไพร ซึ่งมีคุณภาพ มาตรฐาน มีงานวิจัยสนับสนุนและรับรอง การแพทย์ผสมผสานเป็นการรักษาเสริมควบคู่ไปกับการรักษาหลัก มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดยจัดกิจกรรมให้ผู้ป่วยและผู้ดูแล ตลอดจนจิตอาสา ได้ปฎิบัติกิจกรรมร่วมกันเป็นประจำทุกวันเพื่อเรียนรู้แนวทางในการดูแลสุขภาพตนเอง
อโรคยศาลวัดคำประมง สถานอภิบาลพักฟื้นผู้ป่วยด้วยสมุนไพรตามธรรมชาติ อโรคยศาล หมายถึง สถานอภิบาลพักฟื้นผู้ป่วยด้วยสมุนไพรตามธรรมชาติไปจนกว่าอาการของผู้ป่วยจะทุเลาเบาบางลงไป หรือหมดไปสิ้นไปด้วยวิถีแห่งธรรมะและธรรมชาติบำบัดและหรือการแพทย์แบบองค์รวม
ประวัติความเป็นมาของอโรคยศาล
อโรคยศาลมีความเป็นมาจากอารยธรรมขอม ในยุคสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ยุคนั้นมีการเกณฑ์ผู้คนมากมายในการสร้างปราสาทวิหาร การก่อสร้างก็ใช้ระยะเวลาในการสร้างยาวนานหลายสิบปี ผู้คนมากมายต่างก็ล้มป่วยด้วยโรคต่างๆ นานาชนิด จึงเกิดความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ถ้ามีการก่อสร้างปราสาทต่างๆ ให้จัดทำสถานที่อภิบาล บำบัดรักษาผู้ป่วยก่อน ซึ่งสถานที่นี้เรียกกันว่า อโรคยศาล เพื่อให้ผู้คนหายจากอาการเจ็บป่วยและมีเรี่ยวแรงในการสร้างปราสาท สร้างวิหารให้สำเร็จต่อไป (จากหนังสือสมาธิบำบัดกับการรักษาโรคมะเร็ง, 2550)
วัตถุประสงค์ของ อโรคยศาล วัดคำประมง เกิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์(ทุกชาติศาสนา) ที่มีความทุกข์อันเกิดจากโรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรงโดยเฉพาะโรคมะเร็ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
เป้าหมายของการรักษา ไม่ได้อยู่ที่จะรักษาโรคให้หายหรือทุเลาเบาบางลงไปแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่อยู่ที่สามารถตอบสนองความต้องการตามธรรมชาติของผู้ป่วย ที่ต้องการความเข้าใจชีวิตและมีความสุขในช่วงที่เจ็บป่วย ถ้าหากว่าจะต้องเสียชีวิตก็เสียชีวิตไปอย่างสุขสงบ (ตายแบบยิ้มได้) อยู่บนพื้นฐานของการปฏิบัติตามแนวทางศาสนาและวิทยาศาสตร์การแพทย์ ญาติและผู้ป่วยก็จะได้รับประโยชน์จากการช่วยดูแลผู้ป่วย ซึ่งจะมีผลในการปรับทัศนคติในการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข และสามารถเข้าใจและดูแลตนเองไม่ให้ป่วยเป็นมะเร็งต่อไป
วัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน
เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งทุกชนิด ในกรณีต่างๆ ดังต่อไปนี้
- ผู้ป่วยมะเร็งในระยะสุดท้าย ที่ไม่สามารถบำบัดรักษาให้ดีขึ้นด้วยกระบวนการรักษาที่ดีที่สุด ในการแพทย์แผนปัจจุบันที่มี หรือมีการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี ( Poor Prognosis ) เช่น มะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี เป็นต้น
- ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการบำบัดรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน หรือแผนอื่นมาบางส่วนแล้ว และต้องการการบำบัดรักษาเพิ่มเติมอย่างผสมผสานที่อโรคยศาล วัดคำประมง
- กลุ่มผู้ป่วยที่ไม่ต้องการจะรักษาด้านแผนปัจจุบัน และต้องการเข้ารับการบำบัดโดยวิธีนี้
- กลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงและมีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นมะเร็ง เช่น กลุ่มผู้ติดเชื้อไวรัส Hepatitis B และผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ไม่สามารถเข้ารับการรักษาแบบแผนปัจจุบันที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง หรือกลุ่มผู้ป่วยต้องการรักษาทางการแพทย์แผนไทยด้วยสมุนไพรเท่านั้น
เพื่อเป็นการผสมผสานแนวทางการรักษาแบบแผนไทย แผนจีน แผนตะวันตก และการรักษาอื่น ๆ ตามแนวทางของการแพทย์ทางเลือก โดยยึดความประสงค์ของผู้ป่วยเป็นที่ตั้ง เป็นความสมัครใจของผู้ป่วยเอง ในการที่จะเลือกแนวทางการรักษา เป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ (โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็ง) โดยไม่เรียกร้องหรือคิดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
ประวัติพระอาจารย์ปพนพัชร์ จิรธัมโม เป็นชาวราชบุรี เกิดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2497 เป็นบุตรของ พ.ต.ท.ตรี ภิบาลศักดิ์และนางประภาศรี ศตัษเฐียร เมื่อศึกษาจบในสาขาวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาการชลประทานในปี พ.ศ.2519 ท่านได้เข้ารับราชการอยู่กรมชลประทาน และได้รับมอบหมายให้ปฎิบัติหน้าที่ดูแล การก่อสร้างเขื่อนน้ำอูน จังหวัดสกลนคร ต่อมาท่านได้ตัดสินใจลาบวช และเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์ในปี พ.ศ.2522 ที่วัดสันติสังฆาราม สกลนคร สายธรรมยุติ โดยมีพระอาจารย์อุ่น อุตตโม (พระครูบริบาลสังฆกิจ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้จำพรรษาที่วัดถ้ำผาปล่อง จังหวัดเชียงใหม่ 5 พรรษา รวมอายุพรรษา 40 พรรษา ในระหว่างการบวชศึกษาธรรมะแนวปฎิบัติของครูบาอาจารย์ในสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะมหาเถระ ทั้งนี้พระอาจารย์ปพนพัชร์ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่สิม พุทธจาโร (พระญาณ สิทธาจารย์) และได้รับมอบหมายจากหลวงปู่ ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดคำประมงจนถึงปัจจุบัน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 พระอาจารย์ปพนพัชร์ได้อาพาธเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก ในครั้งนั้นท่านได้เข้ารับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยได้รับยาเคมีบำบัดและการฉายแสงอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลานานหลายเดือน จนทำให้ร่างกายของท่านไ่ม่สามารถที่จะรับยาได้อีก จึงตัดสินใจปฏิเสธการรักษาและหันมาปฎิบัติความเพียร ทำสมาธิเจริญภาวนาจนได้ค้นพบตำรับยาสมุนไพรไทย สูตรยา ยอดยามะเร็ง จากตำรายาโบราณของไทยที่ชื่อว่า เพชรน้ำหนึ่ง เมื่อได้ฉันยานี้อาการของท่านก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นท่านได้เข้ารับการตรวจเช็คร่างกายทุก 6 เดือนที่โรงพยาบาลมาจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่พบเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่อีก
พระอาจารย์ปพนพันร์ได้ก่อตั้ง อโรคยศาล (Thai Herbal Nursing Home) ขึ้นในช่วง ปลายปี พ.ศ.2547 เพื่อเป็นสถานอภิบาลพักฟื้นของผู้ป่วยมะเร็ง ที่มีแนวทางการรักษาผู้ป่วยแบบบูรณาการ เน้นการดูแลแบบองค์รวมผสมผสาน ระหว่างการแพทย์แผนไทย ที่ใช้สมุนไพรจากธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการใช้ธรรมะ ( สมาธิบำบัด) และการแพทย์ผสมผสาน โดยไม่ได้ปฎิเสธแนวทางการรักษา ของการแพทย์แผนปัจจุบัน ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากญาติพี่น้อง หรือบุคคลอันเป็นที่รักท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ และจัดส่งยาให้รับประทานต่อที่บ้านอย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิตของเขา โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นจากผู้ป่วย จนถึงปัจจุบัน อโรคยศาลวัดคำประมง ได้ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งแล้วกว่า 5800 คน ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นจากผู้ป่วย จนถึงปัจจุบัน อโรคยศาลวัดคำประมง ได้ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งแล้วกว่า 5800 คน ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยให้การดูแลรักษาอย่างไม่มีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดใดๆ และได้ช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งทุกคนที่เกือบจะสิ้นหวังในการรักษา ได้มีการเลือกในการรักษามากขึ้น มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และหลายคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติร่วมกับครอบครัวได้อีกครั้งหนึ่ง โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมด ที่ผ่านมา นับร้อยล้านกว่าบาท ได้มาจากเงินบริจากจากผู้มีจิตศรัทธาและเห็นคุณค่าในงานที่ท่านทำ
ทั้งนี้โดยพระอาจารย์ปพนพัชร์ได้ฟื้นฟูแนวทางการรักษาโรคมะเร็งด้วย ยาสมุนไพร และ การแพทย์แผนไทย ควบคู่ไปกับการใช้หลักธรรมะ (สมาธิบำบัด มนตราบำบัด) และการแพทย์ทางเลือกต่างๆ โดยไม่ปิดกั้นการแพทย์แผนปัจจุบัน และให้การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านสมุนไพรไทยและ การแพทย์แผนไทยอย่างต่อเนื่องรวมถึงให้ความร่วมมือกับเครือข่ายจิตอาสา หลากหลายสถาบันการศึกษา ต่อยอดองค์ความรู้ทั้งในด้าน การพัฒนาสูตรยาและตัวยาสมุนไพรเพื่อรักษาโรคมะเร็งอย่างจริงจัง ในอีกด้านหนึ่งก็น้อมนำหลักธรรม คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาช่วยอบรมสั่งสอน ให้ผู้ป่วยได้เข้าใจชีวิตตามความ เป็นจริง ทำให้ผู้ป่วยหลุดฟ้นจากทุกข์ทางใจ และกลับมามีชีวิตปัจจุบันที่เป็นทุกข์น้อยลง หรือเรียกว่าป่วยกายแ่ต่ไม่ป่วยใจ หรือหากต้องเสียชีวิต ก็จะเ็ป็นการจากโลกนี้ไปอย่างสงบสมศักดิ์ศรี ของความเป็นมนุษย์
นอกจากนี้ท่านยังนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ การพึ่งตนเองมาประพฤติปฎิบัติเป็นแบบอย่าง สอนให้ผู้ป่วยและญาติรู้จักพึ่งพาตนเอง ตระหนักถึงคุณค่าทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ใช้ทุกอย่างอย่างคุ้มค่ามากที่สุด ให้กลับมา ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมะและธรรมชาติได้อย่างไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังเป็นการช่วยประเทศชาติ ประหยัดงบประมาณด้านการนำเข้ายารักษาโรคมะเร็ง ซึ่งมีราคาแพงเป็น มูลค่ามหาศาลในแต่ละปี
อโรคยศาลไม่เพียงแต่ให้การรักษาผู้ป่วยมะเร็งด้วยความเมตตาและหัวใจของความเป็นมนุษย์เท่านั้น ยังเป็นแหล่งเรียนรู้และส่งเสริมการฝึกปฎิบัติด้านการเยียวยาผู้ป่วยระยะสุดท้ายและผู้ป่วยเรื้อรัง สำหรับ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ให้หน่วยงานทางสาธารณสุขหลายแห่งมาศึกษาดูงาน นำไปปรับใช้เกิดการเปลี่ยน แปลงในทางที่ดีต่อผู้ป่วยเรื้อรังอีกมากมายทำให้อโรคยศาลได้รับความสนใจจากสื่อแทบทุกแขนง อย่างมาก และได้รับรางวัลดีเด่นต่างๆมากมาย ทั้งหมดนี้นับได้ว่าเป็นผลที่เกิดจากความทุ่มเท ความ เพียรพยายาม เสียสละและอุทิศตนเพื่อความสุขของมวลมนุษยชาติตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ดังที่ท่านเคย กล่าวว่า ต้นทุนคือหัวใจ กำไรคือความสุขของประชาชน
ด้วยเหตุนี้จึงมีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องการรักษาตามแนวทางของอโรคยศาล วัดคำประมงเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ เพื่อรองรับกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกกระทรวงสาธารสุข จึงได้ดำเนินการจัดตั้งเป็น โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทยผสมผสาน ด้านมะเร็ง สกลนคร อโรคยศาล วัดคำประมง
นอกจากเพื่อให้การรักษาผู้ป่วยมะเร็งโดยไม่แบ่งแยก เชื้อชาติ ศาสนาใดๆแล้ว ยังถือเป็นโรงพยาบาลต้นแบบของการรักษาโรคมะเร็ง ด้วยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แบบ ผสมผสาน แห่งแรกของประเทศไทย ได้รับรหัสการจัดตั้งโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2557
ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการจัดตั้ง รพ. และดำเนินการ ภายใต้การดำเนินการ ภายใต้การดำเนินงานของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสกลนคร โดยใช้สถานที่คืออโรคยศาล วัดคำประมงและสิ่งปลูกสร้างเดิมที่มีเพียงพอสำหรับรองรับต่อจำนวนผู้ป่วยอยู่แล้ว พร้อมทั้งได้ให้การสนับสนุนด้านบุคลากรสหวิชาชีพ เข้ามาช่วยพัฒนาให้มีมาตรฐานมากขึ้น ทั้งนี้ยังยึดแนว ปฏิปทาของหลวงตาปพนพัชร์เดิมคือ รักษาฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ แก่ผู้ป่วยทั้งสิ้น
ปัจจุบันทางอโรคยศาล วัดคำประมงไม่มีภาระหนี้สินค้างชำระใดๆ ตลอดระยะเวลาในการดำเนินงานที่ผ่านมา และทรัพย์สินในการดำิเนินงานทั้งหมดที่ผ่านมา มาจากแรงศรัทธาในการทำงานของหลวงตาปพนพัชร์ และการทำงานของจิตอาสาจากหลากหลายวิชาชีพ ไม่ได้เป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่เกิดจากแรงศรัทธาของประชาชนที่เข้าใจ ในบริบทของอโรคยศาล วัดคำประมงอย่างแท้จริง
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- อาจารย์อุ๋ย เตือน ! พรรคร่วม ฯ ระวังกอดคอกันถูกประหารชีวิต ! หากยังยื้อร่วมรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง 20 มิ.ย. 2568
- กกต.เชิญชวนเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 22 มิถุนายน 2568 20 มิ.ย. 2568
- ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ประกาศ 8 รัฐมนตรีลาออก มีผล 19 มิ.ย.2568 20 มิ.ย. 2568
- นายกฯอุ้มลูกควงสามีเข้าทำเนียบฯ ถก 7 ผู้ว่าฯชายแดนไทย-กัมพูชา บ่ายบินเคลียร์ใจแม่ทัพภาคที่ 2 20 มิ.ย. 2568
- "นายกฯอิ๊งค์"โบกมือทักสื่อ บินอุบลฯเคลียร์ใจแม่ทัพภาค2 ย้ำสร้างความลอดภัยชายแดน 20 มิ.ย. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
นายกฯขอบคุณทีมเจรจา JBC มั่นใจจะหาทางออกที่ดีที่สุด เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ 19:58 น.
- ทบ.ชี้เป็นภัยความมั่นคง กัมพูชาวางกำลังเข้ม หันปืนใหญ่เล็งถึงไทย – สั่งเสริมกำลังรับมือชายแดนศรีสะเกษ 18:52 น.
- "ณพลเดช" เผย นทท.จีน บินการบินไทยเต็มลำ แนะ 5 จุดแข็งเสริมการท่องเที่ยวไทยในเวทีโลก 17:35 น.
- "เต้ มงคลกิตติ์" นำทีมปชป.ร่วมกิจกรรม "Phitsanulok Art Festival" พร้อมร่วมพิธีบรรจุอัฐิ 100 วัน "คุณยายรัตน์" 16:55 น.
- "กสทช." สั่งเอกชนรายงานผลกระทบหลังกัมพูชาตัดสัญญาณเชื่อมต่อเน็ต 16:45 น.