วันอาทิตย์ ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2568 13:28 น.

การเมือง

ปลัด มท. เผยชาวมหาดไทยทั่วประเทศร่วมยินดี  "อนุทิน" ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์

วันอาทิตย์ ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2567, 19.00 น.

ปลัด มท. เผยชาวมหาดไทยทั่วประเทศ ร่วมแสดงความยินดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในโอกาสที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทุติยจุลจอมเกล้า และเหรียญรัตนาภรณ์ ชั้นที่ 3 อันเป็นเกียรติยศอย่างสูงยิ่งต่อกระทรวงมหาดไทย

เมื่อวันที่ 16  มิถุนายน 2567   นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า และเหรียญรัตนาภรณ์ ตามราชกิจจานุเบกษา เล่ม 141 ตอนที่ 32 ข ลงวันที่ 16 มิถุนายน 2567 มีใจความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า และเหรียญรัตนาภรณ์ จำนวน 59 คน โดยปรากฏชื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทุติยจุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า และเหรียญรัตนาภรณ์ ชั้นที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในนามของข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทย และสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ขอแสดงความยินดีกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันสูงยิ่งในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นเกียรติยศอย่างสูงยิ่งต่อท่านรวมทั้งวงศ์ตระกูล และกระทรวงมหาดไทย

"นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นบุคคลผู้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่ประจักษ์ โดยได้น้อมนำพระบรมราชโองการ พระบรมราโชวาท พระราชดำริ และพระราชดำรัส มาเป็นหลักชัยในการขับเคลื่อนงานเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชนเสมอมา และได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญของประเทศเสมอมา ซึ่งมีตัวอย่างผลงานที่สำคัญ อันส่งผลให้เกิดสิ่งที่ดีและคุณประโยชน์ต่อประเทศไทยและประชาชนคนไทย อาทิ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ขับเคลื่อนนโยบายจนทำให้ระบบปฐมภูมิมีความเข้มแข็ง ซึ่งทุกชุมชนจะมีหมอ 3 คน คอยดูแลประจำ คือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) หมออนามัย และหมอครอบครัว ผลักดันพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์และการสาธารณสุข ให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างมีคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ การส่งเสริมการสร้างเครือข่ายบุคลากรทางสาธารณสุข การขับเคลื่อนโครงการสร้างสุขภาพที่ดีให้กับประชาชน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดโรคแทรกซ้อน พร้อมทั้งให้โอกาส อสม. กว่า 3,000 คน อบรมหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล และยังเป็นผู้ริเริ่มโครงการอบรม "พระบริบาลภิกษุไข้" ประจำ 1 วัด 1 รูป และเมื่อได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ขับเคลื่อนนโยบายเพื่อเสริมสร้างความผาสุกให้กับประชาชน ทั้งการจัดระเบียบสังคม การแก้ไขปัญหายาเสพติด เสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน ชุมชน ตามแนวทางหมู่บ้าน ชุมชนสีขาวปลอดยาเสพติด มุ่งเน้นการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับพื้นที่อย่างจริงจัง รวมทั้งการป้องกัน ปราบปราม และบังคับใช้กฎหมาย การบำบัดรักษา ให้มองผู้เสพคือผู้ป่วย นำผู้เสพยาเสพติดไปเข้ารับการบำบัดรักษาและได้รับการฟื้นฟูเพื่อคืนคนดีสู่สังคม และการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างรายได้ โดยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และแนวพระราชดำริมาประยุกต์ใช้เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน เป็นต้น" นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงต้น

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า สำหรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาขึ้น เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2416 เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงอิสริยยศ และระลึกถึงความดีความชอบของบุคคลซึ่งได้รักษาแผ่นดินมาแต่ก่อน และผู้ที่ได้ทำนุบำรุงแผ่นดินในปัจจุบัน โดยสามารถจำแนกได้ออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทที่ 1) สำหรับพระราชทาน "ฝ่ายหน้า" คือ เจ้านายหรือข้าราชการบุรุษ แบ่งเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 ชนิดที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ (ป.จ.ว.) จำนวนไม่จำกัด ชนิดที่ 2 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) จำนวน 30 สำรับ ชั้นที่ 2 ชนิดที่ 1 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) จำนวน 200 สำรับ ชนิดที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.) จำนวน 250 ดวง ชั้นที่ 3 ชนิดที่ 1 ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ต.จ.ว.) จำนวน 250 ดวง ชนิดที่ 2 ตติยจุลจอมเกล้า (ต.จ.) จำนวน 250 ดวง ชนิดที่ 3 ตติยานุจุลจอมเกล้า (ต.อ.จ.) จำนวน 100 ดวง ทั้งนี้ "เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า นั้น มีลักษณะเป็นดวงตรา สำหรับประดับห้อยกับแพรแถบสีชมพู กว้าง 5 เซนติเมตร ใช้สำหรับสวมคอ ด้านหน้า มีลักษณะเป็นทองคำรัศมี 8 แฉก ลงยาสีชมพู มีรัศมีทองแทรกตามระหว่างแฉก มีใบชัยพฤกษ์สองข้าง ลงยาสีเขียว กลางดวงตรามีพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอบลงยาสีขาบ มีอักษรทองเขียนว่า "เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ" เบื้องบนมี พระจุลมงกุฎเปล่งรัศมีลงยาสีเขียว สีแดง สีขาบ สีขาว ด้านหลัง มีลักษณะเหมือนด้านหน้า แต่ที่กลางดวงตราเป็นรูปช้างไอราพต ลงยาสีขาว บนหลังช้างเป็นรูปตรีศูล ลงยาสีขาว ที่ขอบมีอักษรทองว่า "ปีระกา เบญจศก ศักราช ๑๒๓๕" รอบขอบเป็นรูปจักร ลงยาสีขาวพื้นแดง" โดยเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า จะมีความแตกต่างจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลอื่นตรงที่สามารถมีการสืบตระกูลเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้ ซึ่งผู้สืบตระกูลเครื่องราชอิสริยาภรณ์นั้น จะเป็นบุตรชายคนโตที่มีชีวิตอยู่ในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม หากบุตรชายคนโตไม่สมควรจะได้รับการพระราชทาน บิดาสามารถขอพระราชทานให้บุตรชายคนรองลงมาก็ได้ แต่การสืบตระกูลจะสิ้นสุดลงเพียงชั้นนี้เท่านั้น นอกจากนี้ ถ้าบุตรชายคนโตวิกลจริตหรือเสียชีวิตลงก่อนได้รับพระราชทาน ก็จะพระราชทานแก่หลานซึ่งเป็นบุตรของบุตรชายคนโตก่อน แต่ถ้าไม่มีหลานซึ่งเป็นบุตรของบุตรชายคนโตก่อนแล้ว ก็จะพระราชทานแก่บุตรชายคนต่อไป และประเภทที่ 2) สำหรับพระราชทาน "ฝ่ายใน" คือ เจ้านายหรือข้าราชการสตรี แบ่งเป็น 4 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) จำนวน 20 สำรับ ชั้นที่ 2 ชนิดที่ 1 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) จำนวน 100 ดวง ชนิดที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.) จำนวน 100 ดวง ชั้นที่ 3 ตติยจุลจอมเกล้า (ต.จ.) จำนวน 250 ดวง และชั้นที่ 4 จตุตถจุลจอมเกล้า (จ.จ.) จำนวน 150 ดวง โดยสตรีที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้น ป.จ. และ ท จ.ว. จะใช้คำนำหน้าว่า "ท่านผู้หญิง" และสตรีที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้น ท.จ. ต.จ. และ จ.จ. จะใช้คำนำหน้าว่า "คุณหญิง" ไม่มีการสืบสกุล

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ "เหรียญรัตนาภรณ์" เป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์อันเป็นบำเหน็จในพระองค์พระมหากษัตริย์ สถาปนาขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2412 จากนั้น ได้มีการสถาปนาเหรียญรัตนาภรณ์ขึ้นในทุกรัชกาลจนถึงปัจจุบัน อันเป็นเครื่องหมายในพระมหากรุณาส่วนพระองค์ สำหรับพระราชทานผู้ที่ทำความดีความชอบทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ทั้งส่วนราชการและส่วนพระองค์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานแก่ผู้ใดก็แล้วแต่จะทรงพระราชดำริเห็นสมควร ซึ่งผู้ที่ได้รับพระราชทานจะได้รับประกาศนียบัตรทรงลงพระปรมาภิไธยและประทับพระราชลัญจกรประจำพระองค์กำกับไว้

"เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2562 สำหรับพระราชทานเป็นส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีลักษณะเป็นวงกลม มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร. อยู่ในขอบวงกลมซึ่งมีรัศมีและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 (ว.ป.ร.1) มีลักษณะเป็น อักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. ทองคำประดับเพชรทั้งดวง ชั้นที่ 2 (ว.ป.ร.2) มีลักษณะเป็น อักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. ทองคำลงยาสีขาว ขอบเรือนเงินประดับเพชร ชั้นที่ 3 (ว.ป.ร.3) มีลักษณะเป็น อักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. กาไหล่ทองลงยาสีขาว ขอบสร่งทองคำ ชั้นที่ 4 (ว.ป.ร.4) มีลักษณะเป็น อักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. กาไหล่ทอง ขอบสร่งเงิน และชั้นที่ 5 (ว.ป.ร.5) มีลักษณะเป็น อักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. เงิน ขอบสร่งเงิน" นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้าย

หน้าแรก » การเมือง