การเมือง
"ดร.รุ่งเรือง" มอง "อนิจจาความจริง...การตลาดหมดอายุ"
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

เมื่อวันที่ 20 กรกฏาคม พ.ศ. 2567 ดร.รุ่งเรือง พิทยศิริ อดีตที่ปรึกษารมว.คลัง ได้แสดงความเห็นถึงการเมืองไทยและโลกว่า วงรอบสัปดาห์นี้ มีข่าวสร้างความฮือฮาน่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลอบยิงว่าที่ผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐ อดีตประธานาธิบดี ทรัมป์ ผู้อื้อฉาว จากข่าวคาว และข่าวคราวจำนวนมาก และข่าวการออกมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA และล่าสุด ข่าวเรื่องดี แต่ไม่รู้ดีจริงหรือเปล่า คือการออกมาแถลงยุทธศาสตร์แสดงวิสัยทัศน์ของกระทรวงการคลัง “เปิดทางนำไทยสู่ศูนย์กลางการเงินโลก”
ทั้งสามเรื่อง ในทรรศนะของผม เป็นเรื่องที่ดูเหมือนเกี่ยวข้องกับการตลาดทั้งสิ้น เพราะเมื่อมีข่าวเหล่านี้แล้ว มันมีส่วนทำให้เกิดความสงสาร ความวิตกจริต ความเชื่อถือ ความไม่เชื่อถือ มันจะแตกต่างจากการเอาข้อเท็จจริง ความจริง อันเป็นสาระหลัก หรือนโยบายที่จะนำเสนอเพื่อปฏิบัติได้จริงๆ มานั่งวิเคราะห์ว่าควรจะให้คะแนนสนับสนุน หรือไม่สนับสนุน เพราะอะไรครับ อย่างแรก เรายังไม่เห็นนโยบายที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ จะหาเสียง หรือแม้กระทั่งได้รับฉันทามติแล้วว่าเป็นผู้แทนของพรรครีพับลิกัน แล้วหรือยัง กระแสความนิยมก็พุ่งขึ้นอย่างมาก ทั้งๆที่ทรัมป์พึ่งจะถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดในคดีอาญาที่เกี่ยวกับการปลอมเอกสารจ่ายเงินปิดปากเรื่องความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ เป็นกระแสความนิยมที่พุ่งขึ้นเนื่องจากกระแสความนิยมในประธานาธิบดีไบเดนตกลงอย่างต่อเนื่อง เพราะคนเริ่มคิดว่าไบเดนขาดความพร้อมทางด้านร่างกายและความฟิตเฉียบแหลมเพียงพอที่จะมาบริหารต่อไปในอีกสี่ปีได้ไหว คนเริ่มวิเคราะห์ว่าทรัมป์ ถึงแม้จะมีพฤติกรรมที่ห่าม หยาบ ไม่นุ่มนวล แต่ยังทำอะไร เป็นนักธุรกิจเข้าใจธุรกิจ ชอบออกนโยบายจำนวนมาก และทำจริงๆ ในขณะที่ไบเดนช้า กรอบความคิดไม่พุ่งทะยาน อยู่ตามกรอบแบบเดิมๆ ผู้คนอเมริกันมองข้ามความผิดในแง่กฎหมายที่ไม่เกี่ยวกับนโยบายของประเทศ ยิ่งถูกลอบสังหารด้วยยิ่งเรียกคะแนนสงสาร เรียกกระแสว่าที่ผ่านมาโดนกลั่นแกล้งหรือไม่
นักวิเคราะห์การเงิน การลงทุนทั่วโลก เริ่มเอานโยบายในอดีตของทรัมป์ และข้อมูลจากการให้สัมภาษณ์ต่างๆมาคิดต่อแล้วว่า อนาคตของสหรัฐและโลกจะขับเคลื่อนต่อไปยังไง เสมือนให้ผลการเลือกตั้งว่าชนะแน่นอนแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการกีดกัน หรือสร้างสงครามการค้ากับจีน นโยบายไม่สนใจเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นโยบายไม่เอา NATO สิ่งต่างๆเหล่านี้เริ่มมามีการหยิบยกลงในกระดานนักลงทุน หุ้นที่เกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวไม่ข้อง มีผลขึ้นลงตามมา การตลาดของว่าที่ประธานาธิบดี มองไปไกลมาก ไปไกลขนาดมีผลทำให้ค่าเงินดอลล่าร์ร่วงลงอย่างรวดเร็ว ตามการวิพากษ์วิจารณ์ของทรัมป์
ทั้งหมด เกิดจากบุคคลที่ยังไม่ได้มีหน้าที่ใดๆ แต่กำลังโดนคดีอยู่ด้วยซ้ำ มันเป็นเสมือนอำนาจการตลาดที่บังเอิญเกิดขึ้นมาช่วยยกคะแนนของทางฝั่งสีแดงนี้ แตกต่างจากผลการเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานี ที่แม้ว่าผู้สมัครที่ฝั่งสีแดงจะชนะแบบเฉือนแค่นิดเดียว แต่กระแสการโดนคดีที่ ปปช.กล่าวโทษอยู่ ทำให้ในแง่กฎหมายคาดว่าจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ทำให้เกิดกระแสตีกลับอย่างมากว่า พรรคการเมืองที่ส่งลงสมัครรู้ทั้งรู้ว่าจะมีปัญหา ยังฝืนส่งลงสมัคร ทำให้เสียเงินแผ่นดินในการจัดเลือกตั้ง เสียเงินจัดเลือกตั้งแล้วก็ไม่สามารถได้ตัวคนมาทำงานรับใช้ชาวปทุมธานีได้ กระแสตีกลับอย่างมาก เพราะไม่คาดคิดถึงผลการตลาดที่ส่งผลตรงกันข้าม นอกเหนือจากการแข่งขันที่ผู้คนทั้งเมืองเขาก็มองออกว่า เป็นการแข่งขันแบบรุมสกรัม
ปัญหาของเหตุการณ์ต่างๆมักจะมีเหตุการณ์ซ้อนมาทำให้เป็นปัจจัยการตลาดมาทำให้เกิดคะแนนนิยมพุ่งหรือร่วงลงอย่างรวดเร็ว มันมีความเกี่ยวข้องโดยตรงเพราะเหตุการณ์หลายอย่างมันคือการเปิดตัวนโยบาย การบอกว่าจะทำอะไร แล้วหากทำไม่ได้ หรือไม่โดนใจ หรือบางนโยบายเปิดตัวออกมานานว่าจะทำ ทำแบบนี้ แต่ทำไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแบบ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แก้ไขรายละเอียดตลอดทาง มีหน่วยงานที่น่าเชื่อถือออกมาโจมตีจำนวนมาก มันก็ทำให้ความขลังของนโยบายลดลง ความน่าเชื่อถือของนโยบายลดลง เมื่อหากนโยบายออกมาใช้งานจริงๆแล้ว คนก็ไม่มีศรัทธาในนโยบายอีกต่อไป มันก็คือการตลาดที่พิจารณานโยบายโดยขาดความรอบคอบ เพราะลืมคิดไปว่า นโยบายเรื่องการแจกเงิน หากมันทำซ้ำๆ มันไม่เกิดผลในแง่การกระชากอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจได้อย่างน่าสนใจ เราทำนโยบายแจกเงินคนละครึ่ง มาไม่นาน แจกเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพคนชรา ก็ไม่นาน ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีก เราก็จะมาแจกเงินคนละ 10,000 บาท อีก ความรู้สึกของผู้คนในสังคม เว้นแต่ชอบใจว่าจะได้เงินมาฟรีๆนั้น ลึกๆเกิดความสงสัยแล้วว่ามันจะดีจริงๆหรือ ประเทศชาติจะมีปัญหาต่อไปหรือเปล่า เพราะโครงการมันช้ำไปมากแล้วกว่าจะได้แจกจริงๆ สังคมต้องการเอาเรื่องจริงมาพูด หากเราพูดความจริงว่าเราจำต้องพลิกฟื้นเศรษฐกิจเราด้วยวิธีอะไร ที่มันมีความเป็นไปได้ ผมเชื่อว่าคนไทยจะให้โอกาสแน่นอน
อย่างล่าสุดที่กระทรวงการคลังออกมาแถลงแสดงวิสัยทัศน์ว่าจะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเงินโลก ท่านนายกรัฐมนตรีลงทุนมาเป็นประธานแถลงข่าวเองเลย ผมไม่เถียงว่าเป็นเรื่องที่ดีหากทำได้ ดีกับประเทศแน่นอน แต่ทำไมข่าวมันไม่เปรี้ยงปร้างเลย ทำไมไม่มีใครกล่าวถึงข่าวใหญ่นี้เลย เพราะไม่มีใครเชื่อว่าจะทำได้ยังไงละครับ เพราะอะไรครับ ประเทศเรายังประสบปัญหาเศรษฐกิจมากมายขนาดใหญ่เบอร์นี้ ผู้คนแทบไม่มีจะกินอยู่ในขณะนี้ เศรษฐกิจโตได้ไม่ถึง 2 % เสี่ยงจะใกล้ติดลบด้วยซ้ำ แต่จะอยากเป็นศูนย์กลางการเงินของภูมิภาค หรือของโลก
สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่จะเป็นศูนย์กลางการเงินโลก อย่างที่ท่านรมช.เผ่าภูมิ บอกคือ คน เงิน ข้อมูลและความรู้ และสินค้าและบริการ ที่จะต้องมีในประเทศ ผมเห็นด้วยกับท่านเผ่าภูมิเลยครับ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือ กฎหมาย ธรรมาภิบาล และความโปร่งใส เป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากที่สุด ในการจะเป็นศูนย์กลางการเงินภูมิภาค หรือโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การฟอกเงิน การเป็นแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ หรือ การมีภัยคุกคามจากไซเบอร์ที่หนาแน่น ข้อกำหนดเรื่องภาษีซ้อน ผมถามหน่อย เรามีกฎหมายป้องกันเรื่องพวกนี้อย่างดีแล้วหรือไม่ มีระบบป้องกันเรื่องพวกนี้พร้อมหรือยัง ระบบศูนย์ข้อมูลหนึ่งเดียวของทางราชการ มีและพร้อมหรือยัง การบริหาร Digital Information ของภาครัฐ ดีแล้วหรือยัง เราเชื่อมโยงเรื่องการตรวจสอบแหล่งเงินและธุรกรรมการเงินในประเทศ ร่วมกับนอกประเทศ ดีมากขนาดไหนแล้ว
ผมไม่ได้หมายความว่า เราไม่มีโอกาสจะกลายเป็นศูนย์กลางการเงินโลก เรามีแน่นอน แต่ตอนนี้เราต้องทำอะไรก่อน เราต้องออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่สังคมมีความเชื่อมั่นก่อนไหม เราต้องมีนโยบายหาเงินเพื่อการพัฒนาประเทศ พวกอุตสาหกรรมสำคัญๆก่อนไหม แม้กระทั่งยักษ์ใหญ่อย่างจีนพึ่งประชุมสมัชชาใหญ่ทั้งประเทศ มีข้อสรุปออกมาว่า จะไม่เน้นเรื่องการเติบโต แต่เน้นเรื่องการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI และอิเล็กทรอนิกส์ แต่ทำไมรัฐบาลกลับมาประกาศจะเป็นศูนย์กลางการเงินโลก ก่อนหน้านี้ก็มาบอกว่าจะสร้าง Land-bridge เชื่อมสองฝั่งทะเลอ่าวไทย อันดามัน ทั้งๆที่ผลการศึกษาไม่รู้จะกี่สำนัก บอกตรงกันว่าไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
ปัญหาที่สำคัญ คือ ไม่รู้ว่าอะไรควรทำ ในปัจจุบัน ไม่ยอมรับความเป็นจริงว่าปัญหาทางเศรษฐกิจมันหนักแค่ไหน แต่พอบอกว่าจะต้องทำโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล ก็บอกว่าเศรษฐกิจมันเข้าขั้นวิกฤต มันถึงต้องทำโครงการแจกเงินดิจิทัลนี้ แต่อีกโอกาสที่แถลงนโยบายใหม่ ก็พูดในทำนองว่า เรามีความพร้อม ต้องกลายเป็นศูนย์กลางการเงินโลกในไม่ช้านี้แล้ว ต้องรีบออกกฎหมายมารองรับในหลายๆเรื่อง มันดูเหมือนตลกมากเลยครับ ตกลงเศรษฐกิจไทยมันวิกฤตหรือเปล่า ถ้าไม่วิกฤต พร้อมจะเป็นศูนย์กลางการเงินโลก ก็ไม่จำเป็นต้องทำโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลแล้วมั้งครับ
สินค้าและบริการ ในทางเศรษฐกิจ การเงินโลก มักเป็นหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ เราได้พัฒนามีหลักทรัพย์หลากหลายเข้าใกล้ทัดเทียมประเทศใหญ่ๆในภูมิภาค แต่ยังไม่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนที่ลงทุนในหลักทรัพย์ที่หลากหลายพอ โดยเฉพาะพวกเครื่องมือปกป้องความเสี่ยง เรายังมีปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้จำนวนมาก หุ้นกู้จำนวนมาก ออกมาแล้ว ก็เดี้ยง เรียกว่าผิดนัดชำระหนี้ แล้ว ก.ล.ต. ก็ไม่ออกมาจัดการกับบริษัทที่สร้างปัญหาอย่างจริงจัง เลือกแค่บางราย ที่คดีใหญ่จริงๆ หรือโดนจี้หัวมา ทั้งๆที่จริงๆแล้ว หลายบริษัทที่เจ๊งนั้น ก็ล้วนแล้วแต่มีปัญหาเรื่องความโปร่งใส มีการไซฟ่อนเงินออกไปใช้ส่วนตัว หรือไปต่างประเทศ แม้กระทั่งในตลาดหลักทรัพย์ ก็ประสบปัญหาการตกแต่งบัญชี สร้างงบการเงินเทียม การควบรวมกิจการ มีบทบาทของคณะกรรมการป้องกันการผูกขาดไหม มีการพิจารณาเรื่องพวกนี้เหมือนในประเทศที่เป็นศูนย์กลางการเงินโลกไหม หรือคนเส้นใหญ่ก็ควบรวมกิจการสร้างเม็ดเงิน สร้างและปั่นราคาหุ้นกันไป และกรณีล่าสุดของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA ซึ่งผมมองว่า EA เนี่ย โชคร้ายมาก ที่มาประสบเหตุแบบนี้ ทั้งๆที่เคยเป็นบริษัทพลังงานทางเลือกขนาดใหญ่ของคนไทยที่เชิดหน้าชูตา มีมูลค่าตลาดถึงกว่า สามแสนล้านบาท ถัดเทียมธนาคารพาณิชย์เบอร์ใหญ่ของประเทศเลย เขาแต่งบัญชีหรือเปล่าครับ อันนี้ผมไม่ทราบ
แต่ผมทราบจากข่าวเพียงแค่ว่า ผู้บริหารและคนในครอบครัวทะเลาะกัน เลยออกมาแฉกันเองว่าเคยได้รับค่าการตลาดในการซื้อหรือจัดสร้างโรงไฟฟ้านานเป็นสิบปีแล้ว มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาทเศษ หรือประมาณร้อยละ 1 ของมูลค่าตลาดในขณะนั้น มันมากถึงขนาดจะทำให้บริษัทเจ๊งเลยหรือเปล่าครับ ในชั้นนี้ ในข้อมูลตอนนี้ คงตอบได้เลยว่า ไม่
แต่เขาโชคร้ายที่มาประสบกับกระแสการปั่นข่าว การตลาด จริงๆแล้ว การซื้อของในสังคมธุรกิจไทยหรือโดยเฉพาะในราชการ มีเงินทอนกันแทบทั้งนั้น ใครๆก็ทราบ เพียงแต่ว่าไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาเท่านั้นเอง กรณีนี้ใน EA จึงไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องแปลก แต่เป็นเรื่องซวยมากกว่า ความเสียหายจากเงินเพียงแค่ 3,000 ล้านบาท เทียบกับความเสียหายจากมูลค่าตลาด และผลกระทบจากความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะส่งผลต่อหุ้นกู้ของบริษัทที่จะครบกำหนด ใครจะกล้ามาลงทุนต่อ แล้วธนาคารเจ้าหนี้จะเป็นยังไงต่อไป ใครเคยคิดบ้าง จากการออกมาแฉของคนที่ทะเลาะกัน จากเรื่องที่ผิดกฎหมายที่ใครๆเขาก็ทำกันในเมืองไทย
ผมว่าตอนนี้ประเทศไทย ต้องแก้เรื่องผิดกฎหมายที่ใครๆเขาก็ทำกัน เรามีภาพพจน์ลบเรื่องพวกหุ้นสามัญ หุ้นกู้ ที่นักลงทุนกลัวเรื่องธรรมาภิบาลจำนวนมาก ตลาดหลักทรัพย์ กับ ก.ล.ต. ต้องมากำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้ ที่ชัดเจนต่อสาธารณะ เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่สังคมให้ความไว้วางใจก่อนไหมครับ ก่อนจะมาเป็นศูนย์กลางการเงินโลก เราจะเป็นศูนย์กลางการเงินโลก ในขณะที่ธนาคารกลาง ผู้รับผิดชอบการเงินของประเทศ ไม่คุยกับรัฐบาล เขาเป็นคนดูแลฐานเงินในระบบเศรษฐกิจนะครับ ไม่ใช่กระทรวงการคลัง ในขณะที่สำนักงานที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล ก็มึนตึงใส่รัฐบาล ในขณะที่ข้าราชการจำนวนมาก กำลังกังวลเรื่องนโยบายต่างๆของรัฐบาล ผมว่ารัฐบาลต้องสร้างความน่าเชื่อถือเรื่องพวกนี้ก่อนไหมครับ อนิจจา...การตลาดหมดอายุครับ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- กกต.เผยคำพิพากษา ศาลฎีกาสั่งเลือกตั้งใหม่สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 เพิกถอนสิทธิ "มุกดาวรรณ" 10 ปี พร้อมชดใช้ค่าเลือกตั้ง 27 มี.ค. 2568
- “จุฑารัตน์” นำ “อนุกรรมาธิการ SDGs วุฒิสภา” ศึกษาดูงานการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ณ จังหวัดเพชรบุรี 27 มี.ค. 2568
- 8 เม.ย.นี้! ศาลนัดฟังคดี "ไตรรัตน์" ฟ้องบอร์ดกสทช. 4 คน ตามมาตรา 157 27 มี.ค. 2568
- ครม.อนุมัติ ร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์) เตรียมส่งสภาเห็นชอบ ยันกาสิโนมีเพียงแค่ 10% 27 มี.ค. 2568
- วุฒิสภารับฟังและพร้อมผลักดันการแก้ปัญหาน้ำและราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ รวมกำชับเจ้าหน้าที่ในการปราบปรามยาเสพติดให้เด็ดขาด 27 มี.ค. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
“อนุทิน” ขอบคุณชาวศรีสะเกษ เลือก “วิชิต ไตรสรณกุล” นั่งนายกอบจ.สมัย 7 18:19 น.
- “อนุทิน” ลงพื้นที่ศรีสะเกษ เจอพี่เลี้ยงสมัยป.3 พกรูปสมัยหนุ่มยังเอ๊าะ 16:20 น.
- "อนุทิน" แนะ "นายกฯอิ๊งค์" ควบคุมอารมณ์อย่าหวั่นไหวกับคำกระแทกแดกดันศึกซักฟอก 14:49 น.
- "ประเสริฐ" นั่งหัวโต๊ะดัน "พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม" ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก 14:25 น.
- ผู้ว่าฯกระบี่ จัดกิจกรรมเนื่องใน “วัน อปพร.” ประจำปี 2568 เชิดชูความสำคัญของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน 12:00 น.