วันเสาร์ ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 14:03 น.

การเมือง

องคมนตรีติดตามสถานการณ์น้ำอุทกภัยรุนแรงในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ที่กรมชลประทาน

วันศุกร์ ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2567, 15.10 น.

องคมนตรีติดตามสถานการณ์น้ำอุทกภัยรุนแรงในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ที่กรมชลประทาน พร้อมแนวทางบริหารจัดการน้ำเร่งคลี่คลายความเดือดร้อนของประชาชน  

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำฤดูฝนปี 2567 ที่กรมชลประทาน โดยมีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ร่วมรับฟังด้วย​

โดยนางสาวกรรวี สิทธิชีวภาค​ อธิบดี​กรม​อุตุ​นิยม​วิทยา​รายงานการคาดหมายลักษณะ​อากาศ​ช่วงปลายฤดู​ฝนซึ่งยังคงมีฝนตกชุก​ ที่​ผ่าน​มายัง​ไมีมีมีพายุ​หมุนเขตร้อนเคลื่อน​ตัวเข้าสู่​ประเทศ​ไทย​ ล่าสุด​พายุ​ไต้ฝุ่น​ยางิซึ่ง​ขึ้นฝั่งที่ประเทศ​เวียดนาม​และ​อ่อนกำลัง​ลง​ที่ลาว​ แม้ไม่เคลื่อนตัวมาถึง​ประเทศไทย​ แต่หย่อมความ​กด​อากาศ​ต่ำ​จากพายุ​ที่อ่อนกำลัง​ลง​ทำให้​ประเทศ​ไทยมีฝนเพิ่มขึ้น​ โดยฝนตก​หนัก​บาง​พื้นที่​ โดยเฉพาะ​ในภาคเหนือ​ตอน​บน​ที่จังหวัด​เชียง​รายและเชียงใหม่​ ส่วน​ทิศทาง​ของ​พายุ​เบบินคาจะไม่เข้าสู่​ประเทศ​ไทย กรมอุตุนิยมวิทยา​ยังคงเฝ้า​ระวัง​พายุ​หมุนเขตร้อนที่อาจก่อตัวในม​หา​สมุทรแปซิฟิก​และ​ทะเล​จีน​ใต้​ซึ่ง​หาก​เกิด​พายุ​หมุนเขตร้อน​ที่​จะเข้​าสู่ประเทศ​ไทยในครึ่งหลัง​ของ​เดือนกันยายน​จะมีทิศทาง​การ​เคลื่อนผ่าน​ภาค​ตะวันออก​เฉียง​เหนือ​ อีกทั้งในเดือตุลาคม​ พฤศจิกายน​ และ​ธันวาคม​ยังมีโอกาส​ที่​พายุ​จะเคลื่อน​ตัวเข้ามา​ แต่ทิศทาง​การ​เคลื่อน​ตัวจะอยู่ต่ำลงไป​ ดังนั้นจึงจะเฝ้า​ระวัง​การ​ก่อตัว​ของ​พายุ​และ​สภาพอากาศ​ในฤดู​ฝนอย่าง​ต่อเนื่องเพื่อ​แจ้ง​เตือน​ล่วงหน้า​ ภาพ​รวมปริมาณ​ฝนทั้ง​ประเทศ​ตั้งแต่​ต้นปี​ 2567​ ถึง​ปัจจุบันปริมาณ​ฝนยังต่ำกว่า​ค่าปกติ​ 4% ฤดู​ฝนเริ่ม​ต้นในเดือนพฤษภา​คตามปกติ​ แต่​ฝนตกสะสมในเดือ​นสิงหาคม​เป็น​ต้นมา​ ครึ่ง​หลังของ​เดือน​กันยายน​ยังต้องเฝ้า​ระวัง​ฝนตกหนัก​บางพื้นที่​ ส่วน​ปรากฏ​เอนโซ​ ปัจจุบัน​อยู่​ในสภา​วะปกติ​ (Neutral) ต่อ​เนื่องไปอีก​ 1 -​ 2 เดือน​จาก​นั้นจึง​จะ​เข้า​สู่สภาวะ​ลานีญา​ ฝนที่​ตกขณะนี้​มาจากร่องมรสุม​ที่​พาดผ่าน​ มรสุม​ตะวันตกเฉียงใต้​ และ​หย่อมความ​กด​อากาศ​ต่ำ​

ขณะที่นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทานรายงานสาเหตุของการเกิดอุทกภัยในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ว่า เกิดจากอิทธิพลของพายุยางิซึ่งแม้อ่อนกำลังลงในประเทศลาว แต่หย่อมความกดอากาศต่ำยังทำให้ฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยในจังหวัดเชียงรายนั้น วัดปริมาณฝนสะสม 3 วันระหว่างวันที่ 9 -11 กันยายน 2567 ที่สถานีวัดน้ำฝนอ้ำเภอแม่สาย 254.4 มิลลิเมตร อำเมืองวัดได้ 155.5 มิลลิเมตร อำเภอแม่จันวัดได้ 153.5 มิลลิเมตร ทำให้ลำน้ำแม่สาย แม่กก และแม่จันล้นตลิ่งส่วนที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ช่วงแม่น้ำฝางล้นตลิ่งเนื่องจากระดับน้ำแม่น้ำกกสูงจึงเอ่อท้น 

ปัจจุบันจังหวัดเชียงรายฝนหยุดตก ปริมาณน้ำในลำน้ำแม่สาย แม่จัน และกก แนวโน้มทรงตัว พื้นที่ประสบอุทกภัย 10 ตำบล 6 อำเภอ เนื้อที่ 1,200 ไร่ ส่งผลกระทบต่อ 613 ครัวเรือน ส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ในเขตเทศบาลตำบลแม่อายกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วและมีน้ำขังในบ้านเรือนประชาชนบางส่วน โดยอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนกำลังฉีดล้างทำความสะอาด ถนน และบ้านเรือน ลำน้ำแม่ใจและแม่มาวมีแนวโน้มลดลง สามารถระบายลงสู่ลำน้ำฝางได้เร็วขึ้น ถนนสายหลักสามารถสัญจรได้ เว้นถนนซอยในชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ ริมลำน้ำยังมีน้ำท่วมขัง ความสูงประมาณ 20 – 30 เซนติเมตร แต่แม่น้ำฝางช่วงปลายยังล้นตลิ่ง ซึ่งในการช่วยหลือนั้น โครงการชลประทานเชียงรายได้เร่งระบายน้ำสายเข้าสู่คลองระบายต่างๆ ลงสู่ลำน้ำน้ำมะ ลำน้ำรวก และแม่น้ำโขง พร้อมแจ้งตือนสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับทราบ รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำลงลำน้ำเดิม และได้เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือรองรับสถานการณ์ เช่นเดียวกับที่จังหวัดเชียงใหม่ที่สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ รถไฮดรอลิค รถบรรทุกน้ำ และถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยามีพื้นที่ได้รับผลกระทบท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจากการระบายน้ำเกินกว่า 700 ลบ.ม./วินาทีซึ่งจะทำให้มีน้ำเอ่อท้นในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำในจังหวัดอ่างทองและพระนครศรีอยุธยา  โดยวันนี้ระบายที่ 1,248 ลบ.ม./วินาทีซึ่งลดลงจากเมื่อวานซึ่งระบายที่ 1,399 ลบ.ม./วินาที โดยปรับลงให้สอดคล้อง​กัย​ปริมาณ​น้ำที่ไหลลงมาจากตอนบนและลดผลกระทบ​ต่อพื้นที่​ด้านท้าย​น้ำ​ แต่ยังคงติดตามสถานการณ์ฝนที่จะเพิ่มขึ้นจากร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางซึ่งได้วางแผนบริหารจัดการด้วยการเร่งระบายน้ำลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างออกสู่ทะเลเพื่อรองรับฝนที่จะตกเพิ่มขึ้นในพื้นที่ ประกอบกับระหว่างวันที่ 15 – 20 กันยายน 2567 จะมีภาวะน้ำทะเลหนุนสูง ขณะนี้ใช้สถานีสูบน้ำฝั่งตะวันออกของลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างเร่งพร่องน้ำที่ระบายจากกรุงเทพมหานครออกสู่ทะเลเพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับปริมาณน้ำจากฝนที่จะตกลงมาตั้งแต่วันที่ 13 – 22 กันยายนนี้

ส่วนแนวทางการบริหารจัดการน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า จะมีฝนตกเพิ่มขึ้น ได้เร่งระบายน้ำจากแม่น้ำชีให้ไหลลงแม่น้ำน้ำมูลออกสู่แม่น้ำโขงโดยเร็วด้วยการควบคุมบานระบายของเชื่อนในแม่น้ำชีทุกแห่ง ทั้งนี้ จะต้องควบคุมไม่ให้ระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็วเป็นการป้องกันไม่ให้ตลิ่งทรุดและให้มีระดับน้ำที่แพสูบน้ำต่างๆ ของท้องถิ่นสามารถลอยน้ำอยู่ได้ ตลอดจนเฝ้าระวังและป้องกันพื้นที่น้ำท่วมชุมชนในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี เทศบาลเมืองวารินชำราบ และอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ด้วยการวางแผนเสริมกำแพงปิดช่องว่างที่ระดับ +113.50 ม.รทก. จากความจุลำน้ำเดิม 2,300 ลบ.ม./วินาทีจะเพิ่มเป็น 3,200 ลบ.ม./วินาที โดยเพิ่มความจุลำน้ำขึ้นอีก 39% นอกจากนี้พร่องน้ำที่เขื่อนราษีไศลและเขื่อนหัวนาให้มากที่สุด แขวนบานที่เขื่อนปากมูลเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่

อย่างไรก็ตามในส่วนสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวม 52,308 ล้าน ลบ.ม. ของความจุเก็บกัก คิดเป็น 65% แต่เร่งระบาย​น้ำจากอ่างเก็บน้ำ​ที่มีปริมาณ​น้ำ​มากเพื่อให้​มีพื้นที่​รองรับน้ำจากฝนที่จะตกลงมาใหม่

นางนฤมล กล่าวว่า จากความห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านองคมนตรีจึงได้มาติดตามสถานการณ์น้ำว่า กระทรวงเกษตรฯ มีแผนในการดูแลพี่น้องประชาชนอย่างไร และอยากดูการคาดการณ์ว่าจะมีความเสี่ยงเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ นอกจากนี้ ยังได้ติดตามแผนบริหารจัดการน้ำระยะยาว พร้อมให้คำแนะนำแนวทางแก่กระทรวงเกษตรฯ และกรมชลประทาน ในการวางแผนระยะสำหรับการป้องกันปัญหาอุทกภัยรวมถึงแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ ยังได้รับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีมาดำเนินการทันที โดยได้มอบหมายให้กรมชลประทานดูแลในเรื่องของประตูระบายน้ำและคันกั้นน้ำให้มีความเข้มแข็ง จะได้ไม่เกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น อีกทั้งกรมชลประทานได้มีการรายงานแผนบริหารจัดการน้ำในระยะยาวทั้งในภาพรวมของประเทศและการจัดทำคลองระบายน้ำเลี่ยงตัวเมืองเชียงรายต่อนายกรัฐมนตรีด้วย เพื่อเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ยังได้เตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆโดยประสานความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยและราชการส่วนท้องถิ่น ในการเร่งอพยพพี่น้องประชาชนการตั้งศูนย์พักพิง รวมถึงศึกษาแนวทางในการเยียวยาทรัพย์สิน เพื่อให้พี่น้องประชาชนไม่ต้องกังวลและพร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำของภาครัฐ และในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ จะเร่งอพยพสัตว์ และจัดเตรียมเสบียงอาหารสัตว์ รวมถึงเร่งสำรวจความเสียหายหลังน้ำลดเพื่อประกาศเขตภัยพิบัติเพื่อเข้าช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรต่อไป

 


 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง