เหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่วัน ก็จะถึงวันเลือกตั้ง นายก อบจ.ทั่วทั้งประเทศ  สนามการเมืองที่ดุเดือดไม่แพ้ที่ไหน คือ "ศึกเมืองร้อยเกาะ" จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง 3 ตัวเต็ง

คือ  1."ป้าโส" อดีต สส.โสภา กาญจนะ ภรรยา นายชุมพล กาญจนะ อดีต สส.หลายสมัย ที่ในรอบนี้ลงแข่งขันในนามอิสระ "กลุ่มพลังสุราษฎร์" ได้เบอร์ 4  2."หมอมุดสัง" นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ อดีตนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงในนามพรรคประชาชน ได้เบอร์ 5
และ 3."กำนันศักดิ์"นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีต นายก อบจ.สุราษฎร์ฯ สายตรง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่รอบนี้ลงแข่งในนาม "กลุ่มคนรักสุราษฎร์" ได้เบอร์ 2

สถานการณ์"ศึกเมืองร้อยเกาะ"  ขณะนี้การแข่งขันสนามสุราษฎร์ธานี "ป้าโส" มีคะแนนนิยมนำโด่ง ตามมาด้วย "หมอมุดสัง"ซึ่งไล่ห่างมาติดๆ ส่วนแชมป์เก่า "กำนันพงษ์ศักดิ์" คะแนนนิยมรั้งท้ายอยู่อันดับ 3 ส่วนสาเหตุที่คะแนนนิยม "ป้าโส" นำโด่ง จากคู่แข่งอีก 2 ท่าน ขอวิเคราะห์ด้วยเหตุผลดังนี้

1.ในเรื่องของทีมงานที่คอยช่วยเหลือในแต่ละอำเภอ เพราะสนามเลือกตั้ง อบจ.เป็นการศึกที่สนามใหญ่มาก ผู้สมัครคนเดียวไม่สามารถดำเนินการเองได้ทั้งหมด คนได้เปรียบ คือ คนที่มีทีมงานคอยช่วยเหลือมากกว่า ในเรื่องนี้ "ป้าโส" มีความได้เปรียบค่อนข้างมาก เนื่องจากมีทีมงานจากพรรคการเมืองช่วยเหลือถึง 3 พรรค คือ รวมไทยสร้างชาติ ภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ ขณะที่ "กำนันศักดิ์"  มีทีมงานพรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส ให้การหนุนหลัง ส่วน "หมอมุดสัง" ลงสังกัดในนามพรรคประชาชน มีทีมงานในแต่ละพื้นที่ค่อนข้างน้อยมาก

 
2.สส.ในสุราษฎร์ธานี มีทั้งหมดรวม 7 คน "ป้าโส" มี สส.สนับสนุนถึง 5 คน "กำนันศักดิ์" มี สส.สนับสนุน 2 คน ขณะที่"หมอมุดสัง" ไม่มี สส.ให้การช่วยเหลือเลย ทั้งนี้เนื่องจาก สส.แต่ละท่านก็จะมีฐานเสียงในพื้นที่ของตัวเอง การที่"ป้าโส" ได้ฐานเสียงจาก สส.ถึง 5 คน ช่วยเหลือสนับสนุน ทำให้มีฐานเสียงในแต่ละอำเภอค่อนข้างแน่นมากกว่าคู่แข่ง

3.นโยบายหาเสียงของ "ป้าโส" ค่อนข้างโดนใจ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรทุกตำบล ,ไฟฟ้าคุณภาพเข้าถึงทุกครัวเรือน และการพัฒนาถนนให้มีคุณภาพ เดินทางสะดวกปลอดภัย ฯลฯ ส่วน"หมอมุดสัง" นโยบายหาเสียงจะเด่นด้านสาธารณสุข แต่ของ"กำนันศักดิ์" จะเป็นการตีคลุมภาพกว้างๆเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยเจาะเน้นเด่นชัดในเรื่องใด

4.กระแสความนิยมของ "ป้าโส" กำลังดีวันดีคืน จากฐานเสียงในอำเภอต่างๆช่วยสนับสนุน ส่วนของ"กำนันศักดิ์" คะแนนนิยมตกต่ำลงไปอย่างมาก เนื่องมาจากหลากหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบายที่เคยหาเสียงเลือกตั้งไว้เมื่อครั้งที่ผ่านมา จนวันนี้ยังทำไม่ได้เลยแม้แต่ข้อเดียว อีกทั้งยังถูก ปปช.ตรวจสอบทุจริตอีกหลายโครงการ ส่งผลให้คนเชียร์"กำนันศักดิ์"ลดลงจากเดิมมาก ส่วนของ"หมอมุดสัง" คะแนนความนิยมส่วนใหญ่มาจากแฟนคลับพรรคประชาชน และฐานเสียงในวงการสาธารณสุขช่วยเหลือ

5.กระแสของพรรคกล้าธรรม และ ร.อ.ธรรมนัส ใน จ.สุราษฎร์ธานี ไม่สามารถดึงคะแนนนิยมของ"กำนันศักดิ์"ขึ้นมาได้ ส่วนกระแสความนิยมของพรรคประชาชนก็ไม่ดีเช่นกัน  แม้จะชูอยากให้แรงงานพม่า ได้สวัสดิการต่างๆเหมือนคนไทย ทำให้ฉุดความนิยมของ"หมอมุดสัง"ลงจากเดิมมาก ส่วน"ป้าโส" กลับไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ 

7.แกนนำชาวบ้านในแต่ละอำเภอ แต่ละหมู่บ้านที่ช่วยเหลือ ถ้าเปรียบเทียบขุมกำลังทั้ง 3 คน ของ"ป้าโส" ได้เปรียบที่สุด รองมาเป็น"กำนันศักดิ์" และมี"หมอมุดสัง"รั้งท้าย

8.เรื่องเสบียงทุนรอนในการต่อสู้ "ศึกเมืองร้อยเกาะ" ทราบจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่า "ป้าโส"มีความพร้อมมากกว่าใคร ส่วน "กำนันศักดิ์" และ"หมอมุดสัง" ยังติดขัดและมีปัญหาเรื่องทุน เป็นสาเหตุให้ทีมงานของทั้งคู่เริ่มถอนตัว

9.สจ.ในแต่ละเขต ในทีม"ป้าโส"มีความเข้มแข็ง และมีความพร้อมมากกว่าคู่แข่งทุกคน รองมาเป็น"กำนันศักดิ์" ตามติดมาด้วย"หมอมุดสัง" ซึ่งฐานเสียงของ สจ.ในแต่ละเขต จะสามารถช่วยดันคะแนนของผู้สมัครนายกฯหัวหน้าทีมได้

จากการประเมินสถานการณ์ตอนนี้ "ศึกเมืองร้อยเกาะ"เลือกตั้ง นายก อบจ.สุราษฎร์ฯ "ป้าโส"มีความพร้อมมากกว่าในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นผู้สนับสนุน แม่ทัพในแต่ละอำเภอ รวมถึงเสบียงในการรบ อีกทั้งไพร่พลการรบก็มีมากกว่า"กำนันศักดิ์" และ"หมอมุดสัง" ส่งผลให้"ป้าโส"มีความได้เปรียบ และมีคะแนนนิยมนำโด่ง "ศึกเมืองร้อยเกาะ"ครั้งนี้ คนสุราษฎร์ฯ ต่างประเมินว่า "ป้าโส" น่าจะคว้าชัยชนะแน่นอน ส่วนหมอมุดสัง" จะตามมาเป็นลำดับที่ 2 เพราะเมื่อเทียบกับ"กำนันศักดิ์" ที่คะแนนนิยมกำลังอยู่ในช่วงขาลงสุดๆ ภาพรวมจึงถือว่า"หมอมุดสัง"ยังดีกว่า อีกทั้งยังได้คะแนนวัยรุ่นของพรรคประชาชน และแกนนำด้านสาธารณสุขที่มาช่วย ส่งผลให้นำยัง"กำนันศักดิ์"อยู่พอสมควร 

สุดท้ายต้องมาดูกันว่า"หมอมุดสัง" และ"กำนันศักดิ์" แชมป์เก่า จะแก้สถานการณ์อย่างไร จะพลิกเกมกลับมาได้หรือไม่ เนื่องจาก ณ ขณะนี้ ภาพรวมเป็นรองทุกด้าน และสุดท้ายก็ต้องมาวัดใจคนสุราษฎร์ฯว่า อยากได้การเมืองแบบเดิมๆ หรือต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง