วันพฤหัสบดี ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2568 02:20 น.

การเมือง

มูลนิธิเครือข่ายต่อต้านการทุจริตฯ ยื่น กมธ.ปปช. ตรวจสอบอนุมัติเงินกองทุนประกันสังคม 5 พันล้าน 29 โครงการ

วันพฤหัสบดี ที่ 06 มีนาคม พ.ศ. 2568, 19.33 น.

มูลนิธิเครือข่ายต่อต้านการทุจริตฯ ยื่นหนังสือต่อ ‘กมธ.ปปช.สภาผู้แทนฯ ’ ร้องตรวจสอบข้าราชการ นักการเมือง ส่อทุจริต กรณีมีการอนุมัติเงินจากกองทุนประกันสังคม 5,000 ล้านบาท  หลังพบเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนเพียง 2 – 3 บริษัท หมุนเวียนสลับกันดำเนินการประมูลทั้ง 29 โครงการ ในช่วงปี 2564 – 2566 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์  ประธานมูลนิธิเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ได้ยื่นหนังสือถึง นายฉลาด ขามช่วง ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบข้าราชการ นักการเมือง ส่อทุจริต กรณีมีการอนุมัติเงินจากกองทุนประกันสังคม เป็นเงินประมาณเกือบ 5,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปี พ.ศ 2564 - 2566 โดยมีการนำเงินกองทุนประกันสังคมไป มาจัดซื้อจัดจ้างงานด้าน IT ทั้งหมด 29 โครงการ โดยมีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนเพียง 2 – 3 บริษัท หมุนเวียนสลับกันเป็นคู่เทียบจัดทำราคากลาง และ สลับกันเป็นผู้ชนะการประกวดราคา หรือ ใช้กิจการรร่วมค้า เข้าชนะการประกวดราคา มาโดยตลอด โดยมีผู้บริหารระดับสูงฯ คอยให้การสนับสนุน โดยมี นายพิเชษฐ สถิรชวาล ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ เป็นผู้ร่วมรับหนังสือ 
       
โดยนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า ทางมูลนิธิเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นได้ติดตามตรวจสอบการทุจริต และ การจัดซื้อจัดจ้างเฉพาะงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ งาน IT ของสำนักงานประกันสังคม ที่มีอดีตผู้บริหารระดับสูงและผู้บริหารในปัจจุบันหลายรายเกี่ยวข้อง โดยพบข้อพิรุธ หลายอย่างที่ส่อไปในทางทุจริตหรือไม่ ไม่โปร่งใสในการประกวดราคา มีการล็อกสเปกหรือไม่ มีการจัดฮั้วทำราคากลางสูงเกินไปหรือไม่ มีสืบราคากลางจากบริษัทเดิมๆ ชื่อเดิม กลุ่มเดิม และ สุดท้ายผู้ชนะการประกวดราคาก็เป็นบริษัทหน้าเดิมๆ กลุ่มเดิมๆ ซึ่งส่อไปในทางไม่โปรงใส่ หรือส่อไปในทางทุจริตหรือไม่ โดยอาจมีผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานประกันสังคมคอยให้ความช่วยเหลือ และ คอยอำนวยความสะดวกสั่งการให้ได้ผู้ชนะงานตามโผที่วางไว้ หรือกำหนดไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการนำเงินกองทุนประกันสังคมฯ ไปซื้อจ้างไปทั้งหมด 29  โครงการที่เป็นงานด้าน IT  ในปี พ.ศ 2564 ถึง 2566  รวมทั้งหมดเป็นเงิน   4,898 ล้านบาท 
         
“จากการที่กระผมและทางมูลนิธิฯ ได้ตรวจสอบพบข้อพิรุธผิดสังเกตหลายอย่าง เช่น การขอราคากลางโดยส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทแห่งหนึ่ง กับบริษัทแห่งหนึ่ง หรือ บริษัทลูกของทั้งสองบริษัท หรือ บริษัทในเครือข่ายที่รับจ้างช่วงงานกัน จึงเกิดข้อสงสัย เพระเหตุใดผู้ชนะการประกวดราคา โดยส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทดังกล่าว และมีการนำบริษัทในเครือข่ายมาเป็นผู้ชนะการประกวดราคา หรือ เข้าประมูลงาน และชนะการประมูลงานโดยเอาบริษัทลูกเข้าเป็นกิจการค้าร่วมหรือ จับมือกันในรูปกิจการร่วมค้า รวมทั้ง จากเอกสารหลักฐานทั้งหมด เชื่อมโยง และ เชื่อได้ว่า มีความตั้งใจ จงใจให้ผู้ชนะการประมูลงานทั้งหมด เป็นกลุ่ม และ เครือข่าย ที่เป็นผู้วิ่งเต้นประสานงานทุกขั้นตอนกับผู้บริหาร และปัจจุบัน แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ ให้ข้อมูลว่า มีเตรียมอนุมัติอีกประมาณ 6 โครงการเป็นเงินประมาณ สองพันล้านบาท โดย ล็อกสเปก ให้ กลุ่มเดิม และ กลุ่มใหม่ น้องใหม่ล่าสุดคือบริษัท ในกลุ่มของลูกชาย เครือข่ายนักการเมืองชื่อดัง เพราะฉะนั้น  ผมจึงนำเรื่องนี้มาร้องเรียน ต่อ ท่านประธานกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ เพื่อขอให้ตรวจสอบ ผู้บริหารและ ผู้สนับสนุนให้นำเงินกองทุนฯ ออกมาใช้ และ ปล่อยให้มีการเอื้อประโยชน์ บริษัทหมุนเวียนสลับกันเป็นคู่เทียบ และ สลับ เป็นผู้ชนะการประกวดราคา มาโดยตลอด  และ ขอให้ตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน กรรมการทีโออาร์ กรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกระทรวงแรงงาน ผู้อำนวยการฝ่ายIT, ที่ส่อทุจริตเอื้อประโยชน์ในการจัดประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้าง ในหน่วยงานของสำนักงานประกันสังคม ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันอย่างแท้จริง ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ร่วมกันมือกันฮั้วประมูล กินรวบทั้งระบบ ทำเป็นระบบเป็นขบวนการ ในหน่วยงานของสำนักงานประกันสังคม รวมถึงขอให้ท่านตรวจสอบย้อนหลังงานที่กลุ่มเครือข่ายดังกล่าว เป็นผู้ชนะการประมูลไปนั้นส่งงานได้จริงไม่ ทราบข่าวว่า มีหลายโครงการที่ส่งงานไม่ได้ และ หลายโครงการ มีการช่วยเหลือไม่ให้ชำระค่าปรับ ซึ่งทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์อีกด้วย” นายมงคลกิตติ์กล่าว 
 

หน้าแรก » การเมือง