นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ วางแนวทางพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวทันเทคโนโลยี พร้อมส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ด้าน AI อย่างเป็นระบบ ทางด้าน "เกรียงศักดิ์" เสนอปรับแรงงานไทยสู้ AI ชี้ Upskill-Reskill คือทางรอด ย้ำประชานิยมไม่ใช่คำตอบ 

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อพัฒนาประเทศไทย ครั้งที่ 1/2568   โดยกล่าวว่า   โลกเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมาประเทศไทยเผชิญความท้าทายมากมาย  ตัวเลขการเติบโตระยะเวลา  10 ปีที่ผ่านมา ยังถือว่า ประเทศไทยเติบโตค่อนข้างช้า ซึ่งการที่มี  AI  หรือทำ Enhance  Technology หรือเทคโนโลยีร่วมสมัย  ที่เราเล็งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ   จึงรอไม่ได้ที่จะต้องพัฒนาและดำเนินการต่อ ให้ประเทศเรามีศักยภาพพอที่จะก้าวไปแข่งขันกับทั่วโลกได้   เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและการพัฒนาด้าน AI ของประเทศ  จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ   เพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ National AI Committee

เพื่อทำหน้าที่กำกับทิศทางการพัฒนา AI ในด้านต่างๆ  ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นและกำลังสำคัญให้ประเทศไทย ขับเคลื่อนในเรื่องนี้อย่างเข้มแข็ง  แข็งแรง   อย่างมียุทธศาสตร์มากยิ่งขึ้น  และในเรื่องของ  AI เราต้องมีการพัฒนาคนให้เข้าใจในด้านของ AI มากยิ่งขึ้นด้วย  และก้าวทันโลก

ทั้งนี้ นางสาวแพทองธาร ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า หนึ่งในเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่คือ ปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence (AI) ที่เข้ามามีอิทธิพลในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และสิ่งแวดล้อม

เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน รัฐบาลจะวางรากฐานให้คนไทยทุกกลุ่มวัยใช้ AI ในการพัฒนาตัวเอง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างสรรค์นวัตกรรม นำประเทศสู่ความล้ำสมัย โดยไม่ละเลยจุดสมดุลของความเป็นอธิปไตยของข้อมูลและเปิดกว้างสำหรับโอกาสในการพัฒนาตัวเอง

เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาด้าน AI ของประเทศ จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee) เพื่อทำหน้าที่กำกับทิศทางการพัฒนาด้าน AI ซึ่งดิฉันเชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่นต้นสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาด้าน AI ของไทยอย่างเป็นระบบ และเสริมสร้างขีดความสามารถของประเทศให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดยความตั้งใจของรัฐบาล ภายใน 2 ปีนี้เราจะมุ่งมั่นผลักดันงานด้าน AI นี้ใน 3 ประเด็นใหญ่ค่ะ

1) การพัฒนากำลังคนในทุกระดับเพื่อให้ตอบรับกับความต้องการการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่จะเกิดในอนาคตอันใกล้ โดยสร้างความรู้ความเข้าใจตั้งแต่ในโรงเรียนไปจนถึงแรงงานปัจจุบัน

2)การผลักดันการสร้าง Infrastructure และ เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง Ecosystem ของ AI ที่จำเป็น เช่น แพลตฟอร์ม ฐานข้อมูล โมเดล ซึ่งวันนี้เราสามารถต่อยอดการใช้งาน data centers ในประเทศได้ค่ะ

3)รัฐบาลอยากผลักดันให้มีการนำเครื่องมือ และ AI เหล่านี้ มาใช้ในการพัฒนาต่อยอดในอุตสาหกรรมประยุกต์ เช่น อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotic) และอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกด้วย เช่น การแพทย์ และการเกษตร

นอกจากนี้ “การสร้างเครือข่ายในลักษณะของ Consortium ที่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญเข้าร่วมครบถ้วน จะทำให้เราสามารถกำหนดแนวทางการพัฒนา และการลงทุนในด้านปัญญาประดิษฐ์ที่สอดคล้องกับความต้องการ และศักยภาพของประเทศได้

รวมไปถึงการสร้างโมเดลทางการค้า การเงิน และการแบ่งปันเทคโนโลยีที่ชัดเจน เพื่อสร้างโอกาสให้เอกชนไทย, เด็กไทย, Developer ไทย นำไปพัฒนาต่อยอด และจะเป็นประโยชน์ต่อทุกประเทศในระยะยาว

การเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI จะทำให้ประเทศไทยพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยีได้ในอนาคต และส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างเหมาะสม เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศค่ะ

"เกรียงศักดิ์" เสนอปรับแรงงานไทยสู้ AI ชี้ Upskill-Reskill คือทางรอด ย้ำประชานิยมไม่ใช่คำตอบ 

ทางด้าน ศ.ดร.เกรียงศักดิ์  เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ และนักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวถึงอนาคตแรงงานไทยในยุค AI ว่า แรงงานไทยกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการรุกคืบของ AI ตามที่ตนได้เตือนไว้เมื่อหลายปีก่อนว่า AI จะเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการผลิตที่ต้องแข่งขันด้านต้นทุน หากสถานประกอบการในไทยไม่สามารถปรับตัวและนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการผลิต จะทำให้ไม่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งอาจส่งผลให้มีการปิดตัวหรือลดจำนวนพนักงานลง โดยเฉพาะในกลุ่มอาชีพที่ไม่สามารถปรับตัวหรือเรียนรู้ทักษะใหม่เพื่อแข่งขันกับ AI ได้
 
ประธานสถาบันการสร้างชาติ อธิบายว่า วิวัฒนาการของสังคมมนุษย์เปรียบได้กับ ‘คลื่นอารยะ 7 ลูก’ โดยแต่ละคลื่นสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย เริ่มจากคลื่นลูกที่ 0 ยุคสังคมเร่ร่อน คลื่นลูกที่ 1 ยุคเกษตรกรรม คลื่นลูกที่ 2 ยุคอุตสาหกรรม คลื่นลูกที่ 3 ยุคข้อมูลข่าวสาร และคลื่นลูกที่ 4 ยุคสังคมความรู้ ปัจจุบัน โลกกำลังก้าวเข้าสู่ คลื่นลูกที่ 5 ‘ยุคสังคมปัญญา’ และเชื่อว่าหลังยุคสังคมปัญญา โลกจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ คลื่นลูกที่ 6 ‘สังคมแห่งความดี’ ในที่สุด ซึ่งในแต่ละยุคต้องการสมรรถนะของแรงงานที่แตกต่างกัน
 
“ในคลื่นลูกที่ 5 แรงงานจะไม่สามารถพึ่งพาเพียงทักษะแบบเดิมได้อีกต่อไป แต่ต้องพัฒนาฐานการคิด 4 ทิศ ได้แก่ คิดเป็น คิดบวก คิดครบ และคิดดี พร้อมเสริมสร้างความรู้ที่ลึก กว้าง และไกล เพื่อบูรณาการศาสตร์แห่งความรู้เข้ากับศิลป์แห่งความคิดได้อย่างแท้จริง คนที่สามารถสร้าง "ปัญญา" ได้เช่นนี้ จะกลายเป็นแรงงานที่มีความต้องการสูงในตลาดโลก และในยุคสังคมแห่งความดี จะยกย่องคนมีอุดมการณ์ ทำเพื่อส่วนรวมโดยไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตน คนเหล่านี้จะได้รับความไว้วางใจและก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในทุกภาคส่วน”
 
นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เสนอแนะว่า สำหรับประเทศไทย ซึ่งมีแรงงานกว่า 40 ล้านคน โดยที่ร้อยละ 70 ทำงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการ และอีกร้อยละ 30 อยู่ในภาคเกษตรกรรม จำเป็นต้องเร่งยกระดับศักยภาพแรงงาน ผ่านการ Upskill และ Reskill อย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างแรงงานที่ตรงกับความต้องการของเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ และสามารถใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
พร้อมกันนี้ ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เตือนว่า นโยบายประชานิยมที่เน้นการแจกเงินหรือเอาใจเฉพาะกลุ่มคน ไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน แต่จะยิ่งเพิ่มภาระต้นทุนและบั่นทอนขีดความสามารถของประเทศในระยะยาว รัฐบาลต้องเปลี่ยนแนวทางการบริหารจากการ "เยียวยา" มาเป็นการ "ยกเครื่อง" เพื่อสร้างคนให้แข็งแกร่ง ยืนได้ด้วยตัวเอง และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
 
"ประเทศไทยจะโชคร้ายอย่างยิ่ง ถ้าเรายังเลือกผู้นำด้วยผลประโยชน์เฉพาะหน้า การซื้อเสียง หรือประชานิยมระยะสั้น โลกในวันข้างหน้า คนที่มีปัญญาและคุณธรรมเท่านั้นจะมีที่ยืน ประเทศไทยต้องเตรียมคนให้พร้อมตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่เราจะถูกคลื่นการเปลี่ยนแปลงกลืนหายไปจากเวทีโลก" ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวย้ำ