เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.50 น. ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์พระนครศรีอยุธยา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุม และมอบนโยบาย การเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนสาธารณภัยในระดับพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดี ผู้บริหารกระทรวง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สส. สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และชลประทานพระนครศรีอยุธยา เข้าร่วม

นายอนุทิน กล่าวว่า ตนในฐานะกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ได้ประชุมเตรียมการมาในระดับหนึ่ง เพราะเชื่อว่าอุทกภัย และภัยพิบัติทางธรรมชาติในปีนี้น่าจะมาในระดับหนึ่ง เราจะใช้องคาพยพที่มีลดความเดือดร้อน ลดผลกระทบให้ประชาชนทั่วประเทศ เราร่วมมือโดยตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ ที่สำคัญเรามีโมบายวอร์รูมที่เคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆตามสถานการณ์ โดยติดตามสถานการณ์น้ำ และสภาพอากาศในเวลาที่เกิดขึ้นจริง เพื่อเข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัย นอกจากนี้ ยังมีศูนย์ข้อมูลน้ำระดับจังหวัดที่เตรียมพร้อมขยายผลให้ครบ 76 จังหวัดทั่วประเทศ ฉะนั้น ขอให้มั่นใจว่าเราขับเคลื่อนนโยบายเพื่อเตรียมความพร้อมทุกด้าน ทั้งด้านนโนบาย เทคโนโลยี นวัตกรรม และด้านงบประมาณ
   
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยเข้าฤดูฝนเมื่อวันที่ 15 พ.ค. คาดการณ์เฉลี่ยฝนอาจเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และจะมีพายุหมุนเขตร้อนเข้าไทยหลายลูก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาค และภาคอีสาน ส่งผลให้ฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ ตนในฐานะผู้บัญชาการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ มีหนังสือให้เตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยในฤดูฝนปีนี้เรียบร้อยแล้ว โดยให้ทุกหน่วยงานจะบูรณาการสร้างความร่วมมือเต็มที่ เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันทุกระดับในการแก้ปัญหาให้ประชาชน
    
นายอนุทิน กล่าวว่า ได้มีการสั่งการให้หน่วยงานส่วนกลาง ขอให้ ปภ. ประสานทำงานร่วมกับ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จิสด้า) ขณะที่ นโยบายระดับจังหวัดให้ผู้ว่าราชจังหวัด แสวงหาความร่วมมือทำงานร่วมกองอำนวยการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ที่มีผู้ว่าฯเป็นประธาน และขอให้จังหวัด และอำเภอ ติดตามสถานการณ์น้ำในฤดูฝนอย่างใกล้ชิด 
    
นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ผู้ว่าฯ เตรียมพร้อมเครื่องมือเครื่องจักรให้พร้อมใช้งาน ถ้าเป็นไปได้หากมีการซักซ้อมจะเป็นเรื่องที่ดี เพื่อที่เมื่อเกิดเหตุจะได้ใช้งานได้ทันท่วงที รวมถึงการสื่อสารต้องแม่นยำ เมื่อเผขิญเหตุขอให้ผู้ว่าฯ ดำเนินงานผ่านองคาพยพของท่าน เมื่อถึงเวลาต้องหัวชนกันแล้วทำงาน ถ้าร่วมมือกันเต็มที่เชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้ เมื่อถึงเวลาผู้ว่าฯต้องตัดสินใจประกาศภัยพิบัติ งบฉุกเฉินมีทุกหน่วยงาน สามารถเตรียมเรือท้องแบน เตรียมขุดลอกหรือเตรียมพร้อมด้านอื่นๆได้​     
“ท่านต้องดูอำนาจหน้าที่การประกาศภาวะฉุกเฉินแต่ละครั้ง ต้องกล้าที่จะประกาศตามอำนาจหน้าที่ ตามกฎหมาย และตามขั้นตอน ไม่ต้องกลัวที่จะถูกตรวจสอบ เพราะคนตรวจสอบก็ถูกตรวจสอบอยู่​ ตึกหายไปทั้งตึก​ ดังนั้น ท่านไม่ต้องห่วง เพราะ​ทุกอย่างอยู่ที่เจตนาที่ดี​ การที่ไม่กล้านำงบมาใช้เพียงเพราะกลัวสตง.มาตรวจสอบ ซึ่งท่านก็มาทำงานให้ประชาชน ไม่ใช่เขาบอกว่าซื้อถุงยังชีพได้ราคาไม่เกิน 700 บาท เปิดถุงยังชีพมาเจอของไม่กี่อย่าง เพราะเรามาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน มาบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน ไม่ใช่ว่าเรามาเอาหน้า ขอให้มั่นใจว่าพวกเราทำงานร่วมกัน จะสนับสนุนกันและกัน งบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว“ นายอนุทิน กล่าว
    
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ในส่วนของ จ.พระนครศรีอยุธยา ตนขอชื่นชม และศรัทธาท่านที่เสียสละเป็นผู้รับน้ำ ซึ่งคำว่าทุ่งรับน้ำคือสิ่งที่ข้าราชการพูดกันเอง แต่จริงๆแล้วมันคือที่ดินของชาวบ้าน ท่านสามารถยืนประท้วงไม่ให้เอาน้ำเข้าในพื้นที่ก็ได้ แต่ไม่เคยมีใครทำเช่นนี้ ยินดีให้มีการผ่านน้ำเข้ามาเพื่อรองรับน้ำไม่ให้ไปท่วมพื้นที่อื่นๆ นี่คือความเสียสละอย่างใหญ่หลวง นี่คือการปิดทองหลังพระ  อย่างไรก็ตาม ตนสั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยและ ผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องมีการช่วยเหลือจำเพาะเจาะจงกับบุคคลเหล่านี้ที่ยอมเสียสละพื้นที่มารับน้ำ