วันจันทร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2568 20:16 น.

การเมือง

มท. แจ้งทุกอำเภอ เตรียมพร้อมขั้นตอนปฏิบัติการให้สถานะคนต่างด้าว ตามมติ ครม. 29 ต.ค. 67  โดยประกาศ มท. เริ่มรับคำขอได้ 30 มิ.ย. 68

วันศุกร์ ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 13.54 น.

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 67 อนุมัติหลักเกณฑ์การเร่งรัดการกำหนดสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่มานานนั้น เมื่อวันที่ 29  พ.ค. 68 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายและมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและอาศัยอยู่มานาน โดยประกาศฯ จะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้น 30 วันนับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยเริ่มรับคำขอได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 68 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายรวมถึงหลัเกณฑ์การได้รับสถานะเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายและมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไทย พร้อมกำหนดให้บุคคลต่างด้าวตามกลุ่มเป้าหมายที่มีความประสงค์จะขอมีสถานะดังกล่าวต้องรับรองตนเองว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ และยื่นคำขอต่อนายทะเบียน โดยกรณีมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นต่อผู้อำนวยการสำนักกิจการความมั่นคงภายใน กรมการปกครอง หากกรณีมีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอใด ให้ยื่นต่อนายอำเภอนั้น

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปโดยเรียบร้อยและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครองเตรียมการ และซักซ้อมความเข้าใจเพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทุกระดับสามารถปฏิบัติให้ถูกต้องในขั้นตอนของกฎหมาย ให้บริการด้วยความรวดเร็ว ได้แก่ 

1. นัดรวมชาวบ้านกลุ่มเป้าหมาย โดยทางอำเภอลงพื้นที่เป้าหมายเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร คุณสมบัติ และหลักฐานในการยื่นคำขอ ก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ 

2. คัดกรองเอกสารหลักฐาน ตรวจสอบคัดกรองเอกสาร ได้แก่ 1) บัตรประจำตัวของกลุ่มเป้าหมาย (เลข 6 หรือ 0) 2) ทะเบียนบ้าน (ท.ร. 13) หรือทะเบียนประวัติ (ท.ร. 38 ข.) 3) แบบสำรวจที่ใช้ในการจัดทำทะเบียน เช่น ทะเบียนประวัติชุมชนบนพื้นที่สูง (สำหรับคนเลข 6) หรือแบบ 89 (สำหรับคนเลข 0) เป็นต้น 

3. กรณีคัดกรองแล้วเอกสารถูกต้อง กลุ่มเป้าหมายที่ตรวจสอบแล้วพบว่าเอกสารหลักฐานถูกต้องครบถ้วน อำเภออาจใช้วิธีบันทึกบัญชีรายชื่อบุคคลดังกล่าวไว้ และแจ้งว่ามีคุณลักษณะที่จะยื่นคำขอได้ ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนและระยะเวลาของอำเภอในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานได้ 

4. กรณีคัดกรองแล้วเอกสารไม่ถูกต้อง กลุ่มเป้าหมายรายใดที่ตรวจสอบแล้วพบว่าเอกสารหลักฐานไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบถ้วน ที่สำคัญได้แก่ กรณีแบบสำรวจฯ มีข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือขาดหาย เช่น ไม่ระบุสถานที่เกิดของผู้ยื่นคำขอ / ไม่ระบุปีที่เข้ามาในไทยของผู้ยื่นคำขอ / ระบุว่าผู้ยื่นคำขอเกิดในประเทศไทย หรือเกิดหลังจากที่หัวหน้าครอบครัวเข้ามาในไทย ฯลฯ

 5. นัดหมายแก้เอกสาร ซึ่งเป็นขั้นตอนถ้าหากมีเอกสารไม่ถูกต้อง อำเภอจะต้องนัดหมายวัน เวลา ที่จะให้มาแก้ไขรายการในแบบสำรวจฯ โดยให้ผู้ยื่นขอแก้ไข เตรียมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หรือพยานบุคคลที่ยืนยันรับรองตัวตนได้ จากนั้นแก้ไขให้ถูกต้องต่อไป เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นคำขอต่อไปได้ โดยแต่ละอำเภอสามารถปรับใช้ขั้นตอนการเตรียมความพร้อมข้างต้นให้มีความเหมาะสมตามบริบทของพื้นที่ได้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการให้บริการพี่น้องประชาชนมากที่สุด
 

หน้าแรก » การเมือง